ความเดิม จากตอนที่แล้ว …หลังจากที่แช่ออนเซ็นกันจนสบายตัวแล้ว เชื่อว่าหลายคนตอนนี้ท้องคงร้องกันแล้วล่ะ และถ้าถามว่ามาที่คิโนซากิ ออนเซ็น กินอะไรดีล่ะ? แน่นอนว่าต้องเป็น “ปูมัตสึบะ!”
ที่คิโนซากิ ออนเซ็นนั้น นอกจาก จะมีชื่อเสียงในเรื่องของออนเซ็นแล้ว ที่เมืองนี้ก็ยังมีชื่อเสียงในเรื่องของปูมัตสึบะอีกด้วย ซึ่งฤดูที่เหมาะ กับการกินปูก็จะเป็นช่วง ปลายฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว เพราะในช่วงนี้จะเป็นฤดูจับปู แล้วปูในฤดูนี้ก็ยังมีคุณภาพดีอีกด้วย สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าปูมัตสึบะ เป็นอย่างไร ผมว่าก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับเจ้าปูนี้กันแบบคร่าวๆ กันก่อนดีกว่าครับ
“ปูมัตสึบะ” คือ ปูสุไวเพศผู้ ส่วนเพศเมียนั้น เราจะเรียกว่า “ปูโอยะ” ซึ่งปูสุไวเพศผู้นั้นตัวจะใหญ่กว่า เนื้อเยอะกว่า และหวานอร่อยกว่า ส่วนที่เรียกว่า “มัตสึบะ” ก็เพราะว่า คำว่า “มัตสึบะ นั้นแปลว่า “ใบของต้นสน” และเนื้อของปูชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นริ้วๆ ดูคล้ายๆ กับใบของต้นสนนั่นเองครับ แต่ไม่ใช่ว่า ฉันเกิดมาเป็นตัวผู้ก็จะได้ชื่อว่าเป็นปูมัตสึบะทั้งหมดนะครับ จะต้องมีการนำไปคัดก่อน ซึ่งการจะเป็นปูมัตสึบะได้นั้น จะต้องมีขนาดตัวอยู่ที่ 11 เซนติเมตรขึ้นไปครับ
เครดิตรูป https://www.nippon.com/en/japan-topics/b01732/
ส่วนราคาค่าตัวเจ้าปูมัตสึบะนั้นก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกันครับ โดยปูมัตสึบะตัวนึง ราคาจะอยู่ที่ราวๆ 10,000 – 15,000¥ หรือประมาณ 3,500 – 5,000 บาท กันเลยทีเดียว แต่เมื่อเราตัดสินใจซื้อแล้ว พ่อครัวเขาก็จะนำเจ้าปูไปทำอาหารให้เรา และขอบอกเลยว่าเขาใช้วัตถุดิบของเราอย่างคุ้มค่าแน่นอน ใช้ทุกส่วนจริงๆ เช่น ส่วนขา ก็จะนำไปทำหม้อไฟ สุกี้ยากี้ ซุปใสหรือ แล่เป็นซาชิมิปู ส่วนลำตัว ก็จะนำมันปูมาย่างบนกระดองเติมโชยุลงไปนิดหน่อย คุณเอ๊ยยยย ลองนึกภาพตามดูสิ มันปูย่างในกระดองเดือดปุดๆ หอมฉุย พอตักใส่ปากรสชาติก็นุ่มนวล หอมมันปูตลบอบอวลไปทั้งปาก ถึงกับนั่งยิ้มเลยล่ะขอบอก!
เครดิตรูป http://www.duetdiary.com/kinosaki-onsen/
หลังจากกินปูกันอิ่มแล้ว ก็ต้องมาเดินย่อยกันสักหน่อย อยากจะบอกว่าที่คิโนซากิออนเซ็นนั้น เป็นเมืองที่น่าเดินเล่นชิลๆ ชมนกชมไม้ บรรยากาศก็ดี เมืองก็สวย มุมถ่ายรูปก็เยอะ แล้วยิ่งที่นี่เขาเน้นใส่ชุดยูกะตะกัน ยิ่งเข้ากับบรรยากาศไปใหญ่ โดยส่วนใหญ่แล้วที่พักแต่ละที่ เขาก็จะเตรียมชุดยูกะตะไว้ให้ลูกค้าด้วย แต่ถ้ารู้สึกว่าชุดที่เขาเตรียมไว้ให้ ยังไม่สวยถูกใจเท่าไหร่ ก็สามารถออกมาหาเช่าตามร้านในเมืองได้ครับ สวยถูกใจแน่นอน
เครดิตรูป https://m.pantip.com/topic/39007368?
จุดถ่ายรูปที่เป็นไฮไลท์คงหนีไม่พ้นสะพานหินบริเวณคลองที่อยู่กลางเมืองที่มีต้นหลิวและต้นซะกุระขึ้นอยู่เป็นแนว จุดนี้ถ่ายรูปสวยมาก ยิ่งใครที่ชอบถ่ายรูป ขอบอกเลยว่าเพลิน ใส่ยูกะตะ กับ เกี๊ยะไม้ เดินไป ถ่ายรูปไป แปบๆ เผลอๆ มีเม็มเต็มแน่นอน เพราะเมืองเขาน่ารักจริงๆ ยิ่งพอช่วงค่ำๆ บ้านเรือนเริ่มเปิดไฟ ได้บรรยากาศไปอีกแบบ เห็นตรงไหนก็น่าถ่ายไปหมด ระหว่างทางที่เดินเล่น ก็จะพบ อะชิยุ หรือ ออนเซ็นสำหรับแช่เท้า ถ้าเดินเยอะๆ จนเมื่อยแล้ว แนะนำลองมานั่งแช่ดูครับ สบายเท้ามากๆ ยิ่งถ้ามากับเพื่อนๆ ด้วยนะ แช่ไป เม้าไป รู้สึกตัวอีกทีเผลอๆ เท้าเปื่อย 555
นอกจากใส่ชุดยูกะตะกับเกี๊ยะคู่ใจเดินเล่นรอบเมืองแล้ว กิจกรรมอื่นๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ยกตัวอย่าง เช่นที่ Iroha Japanese Culture EX ที่นี่เป็นศูนย์รวมเกี่ยวกับวัฒนธรรมของญี่ปุ่นให้ได้ศึกษาเรียนรู้กัน แถมยังมีเวิร์คช็อปสำหรับผู้ที่สนใจให้ได้ลองทำดูอีกด้วย อาทิเช่น การเขียนพู่กัน การดีดโกโตะ(เครื่องดนตรีโบราณของญี่ปุ่น) การจัดดอกไม้ หรือแม้แต่การชงชาก็มีครับ
อ่านมาถึงตรงนี้ เริ่มสนใจที่อยากจะไปสัมผัสคิโนซากิออนเซ็นกันบ้างหรือยังครับ ผมว่าเสน่ห์ของเมืองนี้ ด้วยความที่เป็นเมืองออนเซ็นเก่าแก่ ก็เลยยังเหลือกลิ่นอายเก่าๆ ไว้ ทั้งที่เป็นของเก่าดั้งเดิม และของใหม่ที่ทำขึ้นมาเพื่อตกแต่ง เมื่อมาผสมผสานกับศิลปะสมัยใหม่ มันเลยมีความลงตัวสวยงาม คิโนซากิ ออนเซ็นเลยเป็นมากกว่าเมืองที่แค่มาแช่ออนเซ็น และส่วนใหญ่ใครที่ได้มาเยือนที่นี่ ต่างก็ตกหลุมรักเมืองนี้กันทั้งนั้นเลย อย่างผมกับเพื่อนๆ พอจบทริป นั่งคุนกันที่สนามบิน พอถามว่าชอบที่ไหนมากที่สุดในทริปนี้ ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันเลยคือ …“คิโนซากิ ออนเซ็น”