ดื่มด่ำบรรยากาศสุดโรแมนติกไปกับ 5 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีของฝั่งโทโฮคุ ที่ต้องไม่ควรพลาดแห่งปี 2022 ! 

เที่ยวญี่ปุ่น

ยังคงอยู่กันในประเทศญี่ปุ่นและยังคงอยู่กันในภูมิภาคโทโฮคุ เมื่อฤดูกาลแห่งความโรแมนติกมาถึงใครหลายคนก็มักจะมองหาสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ เพื่อจูงมีคนรักไปชมดอกไม้เปลี่ยนสี ซึ่งในครั้งนี้เราจะพาคุณไป ดื่มด่ำบรรยากาศสุดโรแมนติกไปกับ 5 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีของฝั่งโทโฮคุ ที่ต้องไม่ควรพลาดแห่งปี 2022 ! ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการรวบรวมสถานที่เจ๋งๆทีมีความสวยงาม เหมาะสำหรับคู่รักที่ต้องการจูงมือกันไปพักผ่อนอย่างแท้จริง อีกทั้งยังรายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่งดงามทำให้คุณต้องตะลึงต่อสายตาและตาตึงต่อจิตใจเมื่อได้พบเห็นกันอย่างแน่นอน หากอยากทราบกันแล้วว่าแต่ละสถานที่จะมีที่ใดน่าสนใจและน่าไปกันบ้างอย่ารอช้าเราไปชมพร้อมกันได้เลยดังนี้ 

1.ถนนโจเซนจิโดริ (Jozenji-dori Ave)

 จังหวัดมิยางิ (Miyagi)

ดื่มด่ำบรรยากาศสุดโรแมนติกไปกับ 5 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีของฝั่งโทโฮคุ ที่ต้องไม่ควรพลาดแห่งปี 2022 ! 1

สำหรับสถานที่แรกที่มีชื่อว่า  ถนนโจเซนจิโดริ (Jozenji-dori Ave) จังหวัดมิยางิ (Miyagi) ซึ่งรายล้อมไปด้วยต้นไม้และใบไม้เปลี่ยนสีที่มีความงดงาม จากภาพด้านบนคุณจะเห็นถึงความถึงความเหลืองอร่ามของสีใบไม้ ทั้งสองข้างทางของถนนเส้นนี้จะรายล้อมไปด้วยต้นไม้พี่ภาพยาวไกลถึง 700 เมตร จึงทำให้ถูกขนานนามกันว่าเป็นเมืองแห่งต้นไม้ ซึ่งในช่วงฤดูร้อนก็จะมองเห็นถึงความเขียวขจี และในช่วงฤดูเขาก็จะมองเห็นถึงสีขาวโพลนที่ปกคลุมไปด้วยหิมะที่สวยงามไปอีกแบบ

ส่วนใหญ่แล้วผู้คนมักมาชมต้นไม้ใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งคุณสามารถมาเที่ยวชมในสถานที่แห่งนี้ได้โดยไม่มีการเก็บค่าเข้าชมใดๆทั้งสิ้น สามารถเดินเล่นและถ่ายภาพแบบชิลล์ๆ กับเพื่อนๆได้เลย สำหรับการเดินทางมาที่นี่ก็ไม่ยากเพียงคุณนั่งรถบัสมาลงยังป้าย Jozenji-dori Ave ก็สามารถถึงถนนเส้นนี้ได้แบบไม่ต้องกลัวหลง เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่มีบรรยากาศสุดโรแมนติกแบบสุดๆในช่วงฤดูใบไม้ร่วงกันเลยทีเดียว 

2.หมู่บ้านน้ำพุร้อน นิวโตะอนเซ็น (Nyuto Onsen Hot Springs Village)

จังหวัดอาคิตะ (Akita)

ดื่มด่ำบรรยากาศสุดโรแมนติกไปกับ 5 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีของฝั่งโทโฮคุ ที่ต้องไม่ควรพลาดแห่งปี 2022 ! 2
ดื่มด่ำบรรยากาศสุดโรแมนติกไปกับ 5 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีของฝั่งโทโฮคุ ที่ต้องไม่ควรพลาดแห่งปี 2022 ! 3

จะพาคุณมายังเมืองอาคิตะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีกันบ้างกับสถานที่ที่มีชื่อ หมู่บ้านน้ำพุร้อน นิวโตะอนเซ็น (Nyuto Onsen Hot Springs Village) จังหวัดอาคิตะ (Akita) สำหรับหมู่บ้านแห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นหมู่บ้านออนเซ็นกันเลยก็ว่าได้ เนื่องจากอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติที่มีชื่อว่า โทวาดะฮาชิมันไต ซึ่งภายในบริเวณนั้นจะมีน้ำพุร้อนเก่าแก่มากมายซึ่งมีอายุมากกว่า 100 ปี อยู่หลายบ่อ สำหรับหมู่บ้านแห่งนี้ได้ตั้งอยู่ที่บริเวณเชิงเขาของภูเขาที่มีชื่อว่านิวโตะ 

ในช่วงเดือนตุลาคมไปจนถึงพฤศจิกายนของทุกๆปี จะเป็นช่วงที่ใบไม้กำลังเปลี่ยนสี บรรยากาศของหมู่บ้านพร้อมไปด้วยความงดงามที่ธรรมชาติสร้างให้ มีความโรแมนติกและสวยงามจนเกินคำบรรยาย  สามารถชมภาพตัวอย่างได้จากภาพด้านบน ซึ่งในภาพที่ว่างดงามแล้วเขาบอกไปว่าของจริงสวยกว่า สำหรับการเดินทางมาสถานที่แห่งนี้ก็ไม่ยากเพียงคุณนั่งรถไฟชินคันเซ็นมาลงยังสถานีทาซาวะโกะ  จากนั้นก็ใช้เวลาประมาณไม่เกิน 45 นาที ในการนั่งรถบัสมาลงยังป้าย Nyuto Onsen จากนั้นใช้เวลาเดินต่อมาอีกนิดหน่อยก็จะถึงได้แบบง่ายๆโดยไม่ต้องกลัวหลงทาง อีกทั้งภายในหมู่บ้านแห่งนี้ยังมีโรงแรมเปิดให้บริการพร้อมกับออนเซ็นอีกด้วย ซึ่งคุณสามารถเลือกเข้าพักได้ฉันต้องการ 

3.อุระบันได (Urabandai) และทะเลสาบห้าสี โกะชิกินุมะ (Goshikinuma)

จังหวัดฟุกุพระชิมะ (Fukushima)

ดื่มด่ำบรรยากาศสุดโรแมนติกไปกับ 5 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีของฝั่งโทโฮคุ ที่ต้องไม่ควรพลาดแห่งปี 2022 ! 4
ดื่มด่ำบรรยากาศสุดโรแมนติกไปกับ 5 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีของฝั่งโทโฮคุ ที่ต้องไม่ควรพลาดแห่งปี 2022 ! 5

ตัดมาทางฝั่งจังหวัดฟุกุชิมะกันบ้าง ซึ่งเราจะพาคุณไปชมดอกไม้เปลี่ยนสีกัน อุระบันได (Urabandai) และทะเลสาบห้าสี โกะชิกินุมะ (Goshikinuma) จังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima) สำหรับสถานที่แห่งนี้เป็นความงดงามที่ธรรมชาติได้สร้างให้ ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคเหนือของจังหวัด มีความอุดมสมบูรณ์และรายล้อมไปด้วยป่าเขาลำเนาไพร มีความงดงามโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ใบไม้กำลังเปลี่ยนสี เพราะสองฝั่งของแม่น้ำนั้นจะอุดมไปด้วยสีสันหลากหลายจากใบไม้และพืชพรรณนานาชนิด

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวค่อนข้างให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก ซึ่งคุณสามารถทำกิจกรรมต่างๆอย่างเช่นพายเรือแคนูในบึงที่มีชื่อว่า ยานากิ ได้แบบชิลล์ๆ พร้อมกับการชมทัศนียภาพที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ สำหรับท่านใดที่ชื่นชอบการถ่ายภาพแล้วเราก็เราเชื่อว่าคุณจะต้องได้ภาพสวยๆที่สร้างความประทับใจให้กับคุณได้มากอย่างแน่นอน ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่หากใครได้มาเยือนประเทศญี่ปุ่นในช่วงเดือนตุลาคมแล้วต้องไม่ควรพลาด 

4.บันได-อาซุมะ สกายไลน์ (Bandai-Azuma Skyline)

 จังหวัดฟุคุชิมะ (Fukushima)

ดื่มด่ำบรรยากาศสุดโรแมนติกไปกับ 5 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีของฝั่งโทโฮคุ ที่ต้องไม่ควรพลาดแห่งปี 2022 ! 6
ดื่มด่ำบรรยากาศสุดโรแมนติกไปกับ 5 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีของฝั่งโทโฮคุ ที่ต้องไม่ควรพลาดแห่งปี 2022 ! 7

ยังคงอยู่กันในจังหวัดฟุกุชิมะกับอีกหนึ่งสถานที่ สำหรับการชมใบไม้เปลี่ยนสีซึ่งก็คือ บันได-อาซุมะ สกายไลน์ (Bandai-Azuma Skyline) จังหวัดฟุคุชิมะ (Fukushima) เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้ความสนใจ สถานที่แห่งนี้มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณทัศนียภาพที่สวยงามเป็นอย่างมาก คุณสามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีได้ระยะทางที่ยาวไกลซึ่งมากถึง 28.17 กิโลเมตร ในการขับรถเล่นไปตามเส้นทางก็จะเห็นถึงใบไม้ที่กำลังสีและพืชพันธุ์นานาชนิดประเทศญี่ปุ่น 

สำหรับท่านใดที่ชื่นชอบการถ่ายภาพเป็นเป็นเดิมอยู่แล้วต้องไม่ควรพลาด เพราะคุณจะได้ภาพที่งดงามกลับไปฝากคนที่บ้านกันได้อย่างมากมายแน่นอน อีกทั้งยังเป็นเส้นทางที่มีการเชื่อมต่อระหว่าง ภูเขาสึจิยุ กับ ทาคายุออนเซ็น อีกด้วย ซึ่งหากคุณได้มีโอกาสมายังที่นี่ในช่วงเดือนตุลาคมไปจนถึงเดือนพฤศจิกายนนั้น คุณก็สามารถท่องเที่ยวได้ทั้ง 2 สถานที่ ซึ่งก็คือภูเขาสึจิยุและทาคายุออนเซ็นกันได้แบบชิลล์ๆ หากคุณช่ารถแล้วขับมาตามเส้นทางก็จะได้เห็นถึงทัศนียภาพที่งดงาม และเป็นการท่องเที่ยวแบบจุใจเลยจริงๆ ถือเป็นอีกหนึ่งสถานเที่ยวที่ไม่ควรพลาดในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีอย่างยิ่ง 

5.ภูเขาฮักโกดะ (Mt.Hakkoda)

 จังหวัดอาโอโมริ (Aomori)

ดื่มด่ำบรรยากาศสุดโรแมนติกไปกับ 5 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีของฝั่งโทโฮคุ ที่ต้องไม่ควรพลาดแห่งปี 2022 ! 8

จะพาคุณมาปิดท้ายกันกับอีกหนึ่งสถานที่ สำหรับชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีความโรแมนติกแบบสุดๆไม่แพ้สถานที่อื่นๆกันเลยทีเดียวซึ่งก็คือ ภูเขาฮักโกดะ (Mt.Hakkoda) จังหวัดอาโอโมริ (Aomori) ที่เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งภูเขาที่มีชื่อเสียงมากในประเทศญี่ปุ่น มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลมากถึง 1,324 เมตร ไปหาคุณต้องการขึ้นไปชมทัศนียภาพของเมือง ก็สามารถนั่งกระเช้าไฟฟ้าไปได้แบบง่ายๆ ซึ่งคุณจะเพลิดเพลินไปกับความงดงามของธรรมชาติได้แบบสบายๆโดยไม่ต้องเหนื่อยเดิน

ในช่วงเดือนตุลาคมไปจนถึงเดือนพฤศจิกายนนั้นดอกไม้และใบไม้นานาชนิดบนภูเขาแห่งนี้ก็จะเปลี่ยนสี ซึ่งหากคุณได้เห็นของจริงด้วยตาตัวเองแล้วมันจะคิดเหมือนกับเราอย่างแน่นอนว่า งดงามราวกับภาพวาด ซึ่งคุณสามารถนั่งกระเช้ามายังบนจุดชมวิวได้ตั้งแต่ช่วงเวลา 9:00 น จนถึง 16:00 น 20 แต่หากในช่วงเดือนธันวาคมไปจนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์นั้นจะเปิดให้ขึ้นกระเช้าตั้งแต่ 9:00 น และปิดให้บริการเร็วกว่าปกติซึ่งเป็นประมาณช่วงเวลา 15:40 น. แต่อย่างไรก็ตามหากคุณต้องการมาชมทัศนียภาพของสถานที่แห่งนี้ควรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์เดี๋ยวก่อน 

ดื่มด่ำบรรยากาศสุดโรแมนติกไปกับ 5 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีของฝั่งโทโฮคุ ที่ต้องไม่ควรพลาดแห่งปี 2022 ! 9
ดื่มด่ำบรรยากาศสุดโรแมนติกไปกับ 5 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีของฝั่งโทโฮคุ ที่ต้องไม่ควรพลาดแห่งปี 2022 ! 10

ได้รู้จักกับสถานที่ต่างๆผ่านเรื่องราว ดื่มด่ำบรรยากาศสุดโรแมนติกไปกับ 5 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีของฝั่งโทโฮคุ ที่ต้องไม่ควรพลาดแห่งปี 2022 ! ที่เราได้นำมาฝากกันไปเมื่อสักครู่กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามหากมีโอกาสอย่าลืมไปชมทัศนียภาพในช่วงที่ใบไม้กำลังเปลี่ยนสี ตามพิกัดที่เราได้แจ้งให้ทราบกันไปเมื่อสักครู่นะคะเพราะเราเชื่อว่าคุณจะต้องฟินกันอย่างแน่นอน ขอให้ทุกท่านโชคดี have a nice day and Have a good Trip  painaidee-japan

บาคาร่าออนไลน์

เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> UFABET เว็บตรง

Facebook
Twitter