ได้ท่องเที่ยวกันไปหลายภูมิภาคกันแล้ว และในครั้งนี้เราจะพาคุณมารู้จักกับภูมิภาคโทโฮคุกันให้มากยิ่งขึ้น โดยการ รวมสุดยอดความชิลล์กับ 6 สถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติในภูมิภาคโทโฮคุ ที่ต้องไปให้ได้สักครั้งหากมีโอกาส ! สำหรับภูมิภาคนี้ถึงแม้ว่าจะมีจังหวัดเล็กๆเพียงไม่กี่จังหวัดประกอบกันเท่านั้น แต่ก็มีมนต์เสน่ห์มากพอที่จะทำให้คุณตกหลุมรักได้อย่างเหลือเชื่อ หาดอยากทราบกันแล้วว่าแต่ละสถานที่ ที่เราได้นำมาฝากคุณกันในครั้งนี้ จะมีความน่าสนใจอย่างไรและจะน่าไปมากน้อยขนาดไหน ต้องอย่ารอช้าเราไปชมพร้อมๆกันได้เลยดังนี้ค่ะ
1.ลำธารโออิราเสะ (Oirase River)
จะพาคุณมาเริ่มต้นกันที่ ลำธารโออิราเสะ (Oirase River) ที่หากใครได้เห็นตั้งแต่ครั้งแรก ก็ต้องขอบอกเลยว่าคุณจะต้องตกหลุมรักได้อย่างเหลือเชื่อ เนื่องจากสีสันของดอกไม้และพืชพันธ์นานาชนิดช่างงดงามและสดใสอย่างไร้การปรุงแต่งใดๆ นอกจากสีสันจากความเป็นธรรมชาติแท้ๆที่มีมาอย่างสมบูรณ์แบบ
สำหรับสถานที่แห่งนี้หากคุณมาในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้พี่จะมีคนเดินทางมาค่อนข้างน้อย แต่ความพิเศษของสองฤดูนี้คือคุณจะมองเห็นสีสันของธรรมชาติได้อย่างงดงามและสามารถมองเห็นทางเดินสองข้างทางที่เขียวชอุ่มไปตลอดระยะทางกว่า9กิโลเมตร หรือเป็นที่เที่ยวธรรมชาติที่สำคัญของภูมิภาคนี้อีกหนึ่งแห่งที่หากได้มีโอกาสมาเยือนโทโฮคุแล้วต้องไม่ควรพลาด
2.ทะเลสาบทาซาวะ (Lake Tazawa)
จากน้ำตกเราจะพาคุณมาต่อกันที่ทะเลที่มีชื่อว่าทะเลสาบทาซาวะ (Lake Tazawa) สำหรับสถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติซึ่งอยู่ในจังหวัดอาคิตะ เป็นทะเลที่มีความลึกมากถึง 423 เมตร ซึ่งเรียกได้ว่ามีความลึกมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ สีของทะเลสาบจะมีสีเข้มและอ่อนที่ไม่ได้เท่ากันไปทั่วท้องทะเล มีทัศนียภาพที่สวยงามมาก
หากคุณมาที่สถานที่แห่งนี้คุณจะมองเห็นรูปปั้นที่เป็นรูปผู้หญิงสีทองยืนอยู่ในทะเล และผู้คนมักจะเรียกรูปปั้นนี้ว่ารูปปั้นทัตสึโกะ ซึ่งเป็นผู้หญิงที่อยู่ในตำนาน มีเรื่องเล่าต่อๆกันมาว่าเธอถูกสาปให้เป็นมังกรและอาศัยอยู่อยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีความสำคัญของภูมิภาคนี้อย่างยิ่ง ที่หากได้มาเยอะแล้วต้องไม่ควรพลาด
3.หุบเขาเกนบิเคอิ (Genbi Valley)
จะพาคุณมารู้จักกับอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ ที่มีความสวยงามไม่แพ้ที่อื่นๆกับ หุบเขาเกนบิเคอิ (Genbi Valley) ซึ่งเป็นหุบเขาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดอิวาเตะ แต่ต้องอย่าสับสนเนื่องจากมีชื่อคล้ายกันกับหุบเขาเกอิบิเคอิ อีกทั้งยังตั้งอยู่ในจังหวัดเดียวกันอีกด้วย ให้จำเอาไว้ว่าเป็นหุบเขาที่ต่างกันและอยู่ต่างที่ สำหรับสถานที่แห่งนี้มีความงดงามอย่างเป็นธรรมชาติมีทางเดินสำหรับนักท่องเที่ยวเพื่อให้เดินสำรวจป่าได้ยาวถึง 2 กิโลเมตร
ในย่านนั้นจะมีขนมดังโงะขาย ซึ่งการขายค่อนข้างจะพิเศษกว่าที่อื่น เนื่องจากมีการใช้เชือกมัดกับตะกร้าแล้ววางไว้ จากนั้นก็จะขึงเชือกแล้วพาดไว้กับร้านขนมเอาไว้อีกทางฝั่งด้านหนึ่งของแม่น้ำ ซึ่งหากคุณต้องการซื้อขนมจากร้านก็เพียงวางเงินใส่ลงไปในตะกร้าแล้วให้สั่นกระดิ่ง จากนั้นพนักงานจะมารับออเดอร์แล้วก็เสิร์ฟขนมวางไว้ในตะกร้า แล้วเสิร์ฟกลับมาให้คุณจากรับเงิน ร้านขนมเช่นนี้จะเรียกว่า “ดังโงะบิน” ซึ่งใครหลายคนที่ได้ไปสถานที่แห่งนี้ ก็มักจะไม่พลาดการรับประทานดังโงะบินของร้านนี้
4.โอโมชิโรยามะ (Omoshiroyama)
จะพาคุณมาต่อกันที่ โอโมชิโรยามะ (Omoshiroyama) สำหรับสถานที่แห่งนี้ก็คือวัดที่ตั้งอยู่บนภูเขาของจังหวัดยามากะตะ หากคุณได้มีโอกาสขึ้นไปก็จะเห็นทัศนียภาพที่สวยงามและสามารถมองเห็นจังหวัดยามากะตะได้อย่างชัดเจนทั่วเมือง ถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่มีความสำคัญชาวยามากะตะ
และหลายท่านอาจไม่ค่อยชินหูเท่าไหร่นักสำหรับชื่อและสถานที่แห่งนี้ แต่หากคุณได้มาเห็นกับตาตัวเองก็จะต้องรู้สึกถึงความอะเมซซิ่งเป็นอย่างแน่นอน เหมาะสำหรับคนที่ชอบเดินป่าหรือขึ้นเขา เพราะมีทางเดินที่สามารถลัดเลาะไปตามหุบเขาพร้อมทั้งสามารถชมความงดงามของธรรมชาติในสถานที่แห่งนี้ได้ในเวลาเดียวกัน และงดงามอย่างมากโดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีความเงียบสงบแบบสุดๆและชิล์แบบสุดๆเช่นกัน
5.หุบเขาดากิกาเอริ (Dakigaeri Valley)
จะพาคุณมาต่อกันที่ หุบเขาดากิกาเอริ (Dakigaeri Valley)
สำหรับหุบเขาแห่งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คนรู้จักค่อนข้างน้อยแม้กระทั่งคนญี่ปุ่นบางคนก็ยังไม่เคยมา และไม่ค่อยจะคุ้นหูกันสักเท่าไหร่นัก แต่มีความงดงามที่เหนือคำบรรยาย ซื่อผักนึกภาพตามไม่ออก คุณก็สามารถมองได้จากภาพตัวอย่างด้านบนที่เรานำมาฝาก
สถานที่แห่งนี้อยู่ในจังหวัดอาคิตะ ซึ่งถือเป็นจังหวัดที่มีวัฒนธรรมและประเพณีโบราณของญี่ปุ่นซ่อนเอาไว้อย่างมากมาย เชื่อว่าหากใครได้มาก็จะต้องหลงรักราวกับต้องมนต์สะกดแห่งเมืองนี้ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงพืชพรรณนานาชนิดในหุบเขาก็จะเปลี่ยนสีและผลัดใบให้เราเห็นได้อย่างสวยงาม พร้อมทั้งลำธารสวยๆราวกับเราได้เข้าไปอยู่ในสารคดีภาพสวยสักเรื่อง และจุดเด่นของสถานที่แห่งนี้ก็คือสะพานขนาดใหญ่ที่มีสีแดง เป็นจุดสังเกตได้ว่าหากมาถึงแล้วก็จะเห็นสะพานนี้ซึ่งผู้คนแถวนี้ก็จะเรียกกันว่าสะพานคามิ โนะ อิวาฮาชิ จึงถือได้ว่าหุบเขาแห่งนี้ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติของชาวจังหวัดอาคิตะเลยก็ว่าได้
6.ทะเลสาบโกชิกินูมะ (Goshikinuma Ponds)
เที่ยวหุบเขากันมามากแล้วจะพาคุณมาปิดท้ายกันที่ ทะเลสาบโกชิกินูมะ (Goshikinuma Ponds) ซึ่งอยู่ในจังหวัดฟุกุชิม่า เรียกได้ว่าเป็นทะเลสาบห้าสี เพราะคุณจะสามารถมองเห็นสีสันของท้องทะเลในสถานที่แห่งนี้ได้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นทะเลสาบที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุนานาชนิด จึงทำให้สีสันของน้ำทะเลเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพของอุณหภูมิ อากาศ และเวลาในแต่ละวัน หากคุณนึกภาพตามไม่ออกให้คุณมองภาพทางด้านบนที่เรานำมาฝาก คุณอาจคิดว่าในภาพถือว่าสวยงามแล้วแต่หากคุณมาเห็นเองด้วยตาจริงๆ คุณอาจจะยิ่งรู้สึกว่ามันสวยกว่าในภาพหลายเท่า
ในช่วงที่ฤดูใบไม้ผลิผู้คนมักจะมาชมใบไม้แดง และมองทะเลสาบห้าสีไปพร้อมๆกัน ในช่วงแต่ละฤดูทะเลสาบก็จะสีไม่เหมือนกัน ต้นไม้ใบหญ้าก็จะเปลี่ยนแปลงสีไปตามสภาพอากาศ และไม่ว่าคุณจะมาในฤดูกาลใดความงดงามที่ธรรมชาติให้มาเหล่านี้ก็ยังจะคงอยู่เพียงแต่ มีสีสันในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปเท่านั้นเอง ถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวและสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่สำคัญของชาวฟูกูชิม่า ที่เราอยากจะบอกคุณว่าหากได้มาเยือนแล้วต้องไม่ควรพลาด
เต็มอิ่มกันไปพอสมควรสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติของภูมิภาคโทโฮคุ ที่พวกเราทีมงานได้ รวมสุดยอดความชิลล์กับ 6 สถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติในภูมิภาคโทโฮคุ ที่ต้องไปให้ได้สักครั้งหากมีโอกาส ! มาฝากคุณกันในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามพวกเราหวังว่าท่านผู้อ่านทุกท่าน จะชื่นชอบและถูกใจกับสิ่งที่เราได้นำมาเสนอ และหากบทความนี้มีประโยชน์ต่อคุณต้องอย่าลืมส่งต่อให้กับคนที่คุณรักนะคะ
และก่อนจากกันในครั้งนี้ต้องขอขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่าน ที่คอยติดตามเรื่องราวที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นจากพวกเราที่นี่อย่างเสมอมา แล้วกลับมาพบกับพวกเราได้ใหม่ในครั้งต่อไปนะคะสำหรับครั้งนี้ต้องขออนุญาตลากันไปก่อน ขอให้คุณโชคดีและมีความสุขกับทุกๆการเดินทางค่ะ painaidee-japan
เครดิต : สล็อตเว็บตรง