หากมาเยือนเมืองโอซาก้า ย่านสุดฮิตที่ใครๆ ต่างก็ต้องไป แน่นอนว่าคงไม่พ้นย่านโดทมบุริ แต่มีอีกย่านหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือ ย่านชินเซไค โลกใบใหม่ของชาวโอซาก้านั่นเองครับ ย่านเก่าแก่ของเมืองโอซาก้าแห่งนี้ที่ได้รับขนานนามว่า “โลกใหม่” ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? วันนี้ผมขออาสามาเล่าให้ฟังเองครับ
ความเป็นมาของ ย่านชินเซไค
ย่านชินเซไค ในสมัยก่อนนั้น เริ่มมีการปรับปรุงพื้นที่ และ พัฒนาชุมชนมาตั้งแต่ปี 1900 จนมาถึงปี 1903 เมืองโอซาก้าก็ได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน “นิทรรศการอุตสาหกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 5” โดยงานนี้จัดขึ้นที่ย่านชินเซไค ซึ่งเป็นงานที่ใหญ่มากๆ บรรยากาศภายในงานดูล้ำนำสมัย สมชื่อชินเซไค ซึ่งในภาษาญี่ปุ่นนั้น คำว่า “ชินเซไค” แปลว่า “โลกใหม่” นี่จึงเป็นที่มาของชื่อย่านนี้นั่นเองครับ
ด้วยความที่ธีมของงานจัดขึ้นได้อย่างดีเยี่ยม เมื่อเดินเข้ามาในงานแล้วราวกับว่าคุณเจาะเวลาไปสู่โลกอนาคต ทุกสิ่งทุกอย่างให้ความรู้สึกตื่นตาตื่นใจ ดูแปลกตาไปหมด ทำให้เป็นที่สนใจของผู้คนจำนวนมาก และเดินทางมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ซึ่งตลอดเวลาที่จัดงานนี้มีผู้มาเข้าร่วมงานมาก 5 ล้านคนกันเลยทีเดียว
หลังจากงานนิทรรศการได้จบไป ย่านนี้ก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีอาคารบ้านเรือนผุดขึ้นมาเต็มไปหมด มีการสร้างหอคอยสึเทนคาคุ พิพิธภัณฑ์ สวนสาธารณะ ห้างร้านต่างๆ รวมไปถึงโรงภาพยนตร์อีกด้วย สำหรับย่านชินเซไคนั้น ตัวผังเมือง และสถาปัตยกรรม ส่วนใหญ่จะได้รับแรงบันดาลใจมาจากกรุงปารีสในประเทศฝรั่งเศส แต่ในส่วนบริเวณทางใต้ของย่านชินเซไคนั้น ได้รับแรงบัลดาลใจมากจากกรุงนิวยอร์คประเทศอเมริกา ทำให้ย่านนี้มีบรรยากาศที่แปลกตาต่างไปจากย่านอื่นๆ
แต่ถึงแม้ว่าย่านชินเซไค จะถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังสู้ย่านนัมบะ ที่เป็นศูนย์รวมการค้าใหญ่ของเมืองไม่ได้ ทำให้ย่านชินเซไคค่อยๆ เงียบลงไป ผู้คนบางตาลงไปมากกว่าแต่ก่อน แต่ในปัจจุบันก็จะเป็นแค่ช่วงกลางวันเท่านั้นครับที่ผู้คนบางตา ในช่วงเย็นที่นี่จะกลับมาคึกคักเป็นพิเศษ ชนิดที่ว่าหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว เพราะว่าย่านนี้ในช่วงกลางคืนนั้น จะเต็มไปด้วยแสงสี เป็นศูนย์รวมของแหล่งกินดื่ม และร้านรวงมากมาย โดยเฉพาะที่ถนน Jan Jan Yokocho ซึ่งถ้าคุณได้มาที่นี่ในช่วงหัวค่ำแล้วล่ะก็ คุณก็จะได้เห็นมนุษย์เงินเดือนชาวญี่ปุ่นมานั่งทานข้าว ดื่มเบียร์สังสรรค์ คุยกันสนุกสนานเฮฮา ออกรสออกชาติ อยู่กันเต็มไปหมด
จุดเด่นของย่านนี้ไม่ได้มีดีแค่เรื่องอาหารการกิน แต่ยังมีร้านค้าให้เลือกซื้อกันอีกเยอะแยะมากมาย และที่ย่านชินเซไคนั้น ก็ยังมีร้านดองกี้อยู่อีกด้วย ซึ่งถ้าใครเคยไปญี่ปุ่น จะรู้ถึงกิตติศัพท์ของร้านดองกี้นี้ดี ที่นี่เขามีของขายตั้งแต่สากเบือ ยันเรือรบ ใครที่กำลังจะเดินทางกลับไทย แล้วกำลังมองหาของฝากอยู่ล่ะก็ มาที่นี่ที่เดียวจบ ได้ครบทุกไอเทมครับ
ระหว่างที่เดินเล่นอยู่ในย่านชินเซไค เชื่อว่าใครที่เคยไปย่านนี้น่าจะเคยเห็นรูปปั้นสีทองที่มีลักษณะคล้ายๆ ลิง นั่งเหยียดขาออกมาด้านหน้า ถูกวางอยู่หน้าร้านต่างๆ แทบจะทุกร้าน หรือ มีตัวเล็กๆ วางประดับตกแต่งไว้ในร้านด้วย รูปปั้นนี้จริงๆ แล้วไม่ใช่ลิงนะครับ แต่เป็นรูปปั้นที่เรียกกันว่า บิลลิเคน ซึ่งคนที่นี่มักจะมาขอพรโดยการลูบเท้าของบิลลิเคนกันครับ เชื่อกันว่าเมื่อลูบเท้าขอพรแล้ว สิ่งที่ขอก็จะสมหวัง นอกจากนี้ตามร้านค้าต่างๆ ที่นำรูปปั้นบิลลิเคนมาตั้งอยู่หน้าร้านกันก็เพราะเชื่อว่า บิลลิเคนคือเทพที่ให้โชคลาภ ตั้งไว้หน้าร้านแล้วร้านจะขายดี ธุรกิจราบรื่นนั่นเองครับ
การเดินทาง
สำหรับการเดินทางมาเที่ยวที่ย่านชินเซไคนั้น ผมขอยกตัวอย่างต้นทางจาก 2 สถานที่หลักละกันนะครับ 1.ถ้าคุณเดินทางมาจากสถานี Namba ให้คุณขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Midosuji Line มาลงที่สถานี Dobutsuen-mae ออกทางออก Exit 5 เดินต่ออีก 2-3 นาทีก็ถึงละครับ และ 2.ถ้าคุณเดินทางมาจากสถานี Umeda ก็ใช้รถไฟใต้ดินสาย Midosuji Line มาลงที่สถานี Dobutsuen-mae เหมือนกันเลยครับ
หากคุณกำลังมองหาย่านกินช็อปใหม่ๆ ในโอซาก้า ที่นอกเหนือจากย่านโดทมบุริ-ชินไซบาชิ ผมขอแนะนำย่านนี้เลยครับ ย่านชินเซไค โลกใบใหม่ของชาวโอซาก้า มาที่นี่ที่เดียวจบ ครบทั้งเที่ยว กิน ช็อป แต่ถ้าจะมา ขอแนะนำให้มาช่วงเย็นๆ ค่ำๆ จะดีกว่าครับ เพราะร้านค้าต่างๆ ส่วนใหญ่จะเปิดบริการกันในช่วงเย็น และมีแสงสีได้บรรยากาศกว่ามาตอนกลางวันครับ