ยังคงอยู่กันในประเทศญี่ปุ่นเช่นเคย และในครั้งนี้เราก็ยังคงอยู่กันในฝั่งฮอกไกโดเช่นกัน แต่ในครั้งนี้เราจะพาคุณมาชิลล์ไปกับ 5 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีอันงดงามแห่งเมืองฮอกไกโด ที่ต้องไม่ควรพลาดแห่งปี 2022 ! กันบ้าง เพราะในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนั้นทัศนียภาพของสถานที่ต่างๆนั้น ย่อมมีสีสันที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งคุณจะพบกับความรู้สึกและบรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติกและจะทำให้คุณรู้สึกฟินแบบแบบเวอร์ๆกันเลยล่ะ และในครั้งนี้พวกเราทีมงานได้รวบรวมแต่ละสถานที่ สำหรับชมใบไม้เปลี่ยนสีของเมืองฮอกไกโดมาฝากคุณกันไว้ตรงนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อยากทราบกันแล้วว่าในแต่ละจุดนั้นจะมีความน่าสนใจมากน้อยเพียงไหนนั้น ต้องอย่ารอช้าเราไปชมพร้อมๆกันได้เลยดังนี้
1.โซอุนเคียว (คามิคาวะ)
เราจะพาคุณมาเริ่มต้นกับสถานที่แห่งแรกที่มีชื่อว่า โซอุนเคียว (คามิคาวะ) ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นหุบเขาที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับทางเข้าของอุทยานแห่งชาติที่ชื่อว่า ไดเซ็ตสึซัน หากคุณต้องการมาชมใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่ขอแนะนำให้คุณเลือกที่พักในย่านเมืองออนเซ็น เพราะคุณจะได้ดื่มด่ำไปกับธรรมชาติ อีกทั้งยังสามารถเข้าไปท่องเที่ยวยังน้ำตกโมมิจิดากิได้อีกด้วย เนื่องจากเป็นเส้นทางที่อยู่ใกล้ๆกัน
สำหรับการเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้คุณสามารถเดินทางจากสนามบินอาซาฮิคาวะโดยการนั่งรถยนต์ส่วนตัวโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาทีในการมาถึง และควรมาในช่วงปลายเดือนสิงหาคมไปจนถึงช่วงต้นเดือนตุลาคม เพราะเป็นช่วงที่ใบไม้กำลังเฮียตี๋ได้อย่างงดงาม ไปหาคุณต้องการเดินทางมาโดยรถไฟคุณก็สามารถมาลงยังสถานี Kamikawa แล้วนั่งรถบัสต่อมาลงยังป้ายSounkyo Onsen ได้เลยเมื่อถึงแล้วก็ใช้เวลาที่ไม่เกิน 5 นาทีในการเดินมายังสถานที่แห่งนี้ แต่ทางที่ดีที่สุดคุณควรตรวจสอบที่พักให้ดีไปก่อนก่อนที่จะทำการเดินทางมาถึง
2.โจซังเค (ซัปโปโร)
หากมาถึงเมือง Hokkaido แล้วไม่ถามถึงสถานที่แห่งนี้ เห็นทีก็คงจะไม่ได้ซึ่งนั่นก็คือ โจซังเค (ซัปโปโร) สำหรับสถานที่แห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ยอดนิยมของเหล่าบรรดาไปเที่ยวและชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ฤดูใบไม้ร่วงมาถึง ต้นไม้ใบไม้นานาชนิดของที่นี่ก็จะทำการเปลี่ยนสี ซึ่งนอกจากคุณจะได้ถ่ายภาพสวยๆเพื่อบันทึกความทรงจำเหล่านี้เอาไว้แล้ว
คุณยังสามารถแช่บ่อน้ำร้อนท่ามกลางหุบเขา และพืชพรรณนานาชนิดของที่นี่ได้อีกด้วย สำหรับในช่วงต้นเดือนตุลาคมไปจนถึงสิ้นเดือนนั้นจะมีบริการ Koyo Kappa Bus Tour ซึ่งเป็นการพานักท่องเที่ยวนั่งรถบัสเพื่อชมใบไม้เปลี่ยนสีไปตามสถานที่ต่างๆในโจซังเคกันได้อย่างจุใจ ซึ่งจะมีการให้บริการรอบละ 1 ชั่วโมงวันละ 4 รอบเท่านั้นสำหรับค่าบริการในการนั่งรถบัสเพื่อชมใบไม้เปลี่ยนสีนั้นราคาจะอยู่ที่ประมาณ 500 เยน ซึ่งไม่แพงมากนัก เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่หากคุณได้มาย่านนี้ต้องไม่ควรพลาด และต้องขอบอกเลยว่าสวยงามตามภาพจริงๆ
3.เขาโมอิวะ (ซัปโปโร)
มาต่อกันที่ เขาโมอิวะ (ซัปโปโร) มีแต่ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความนิยมจากเหล่าบรรดานักท่องเที่ยวและชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่ใบไม้และพืชพรรณนานาชนิดจะทำการเปลี่ยนสี ซึ่งแต่งแต้มให้บรรยากาศดูมีสีสันมากยิ่งขึ้นกว่าฤดูอื่นๆ อีกทั้งอากาศกำลังหนาวแบบพอดีพอดี สำหรับเขาโมอิวะนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ใครหลายคนมักจะต้องมาเยือนเมื่อถึงในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี เพราะมีความงดงามเป็นอย่างมาก
ซึ่งคุณสามารถขึ้นไปยังจุดชมวิวได้โดยการนั่งกระเช้าไฟฟ้า โดยใช้เวลาไม่เกิน 5 นาทีก็ถึงยังจุดชมวิวและคุณจะสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่แสนกว้างไกลของเมืองได้แบบชัดเจน และหากคุณเป็นผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพเป็นเดิมอยู่แล้ว คุณจะได้ภาพที่งดงามกลับบ้านไปในปริมาณมากอย่างแน่นอน สำหรับการมาสถานที่แห่งนี้ก็ไม่ยากซึ่งคุณสามารถเดินทางได้โดยรถชัตเติ้ลบัสมายังสถานี Sanroku
ได้เลย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งที่ที่คุณต้องไม่ควรพลาดในช่วงฤดูใบไม้ร่วง หากได้มีโอกาสมาเยือนฮอกไกโด
4.สวนโคเซ็ตสึเอ็น (ฮาโกดาเตะ)
มาต่อกันกับอีกหนึ่งสถานที่ที่มีบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติกซึ่งก็คือ สวนโคเซ็ตสึเอ็น (ฮาโกดาเตะ) ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงสวนแห่งนี้จะกลายเป็นสีแดงสีส้มและสีเหลืองตามภาพด้านบนที่เรานำมาฝาก ซึ่งในภาพก็คิดว่าสวยงามมากแล้วแต่หากได้เห็นภาพจริงกับตาตัวเอง คุณจะต้องบอกว่าของจริงสวยกว่าอย่างแน่นอน อีกทั้งบรรยากาศของช่วงเดือนตุลาคมไปจนถึงเดือนพฤศจิกายนนั้นค่อนข้างดีอากาศกำลังเย็นสบาย และในยามค่ำคืนนั้นก็ได้มีการประดับไฟแบบไลท์อัพ เพื่อให้คุณและนักท่องเที่ยวที่มาเยือนได้ชมค่ำคืนอันสวยงามที่สุดแสนจะสงบของที่นี่
สำหรับการเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ก็ไม่ยากโดยคุณสามารถนั่งรถบัสมาลงยังป้าย Kosetsuen ซึ่งรถบัสที่นั่งนั้นจะต้องนั่งหมายเลข 14 จากนั้นก็ใช้เวลาไม่เกิน 2 นาที ในการเดินมายังสวนแห่งนี้ได้แบบง่ายๆโดยไม่ต้องกลัวหลง หากคุณต้องการมาชมใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่ก็ควรมาในช่วงกลางเดือนตุลาคมไปจนถึงช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนของทุกๆปี เพราะคุณจะได้พบกับความสวยงามของทัศนียภาพที่ธรรมชาติให้มาได้อย่างเต็มรูปแบบ ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ยอดนิยมที่หากได้มาเมืองทองไปดูแล้วต้องไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
5.อุทยานโอนุมะ (โอนุมะ)
จะพาคุณมาปิดท้ายกันที่ อุทยานโอนุมะ (โอนุมะ) สำหรับสถานที่แห่งนี้เป็นอุทยานที่มีขนาดกว้างใหญ่ซึ่งมีพื้นที่มากถึง 90 ตารางกิโลเมตร อีกทั้งยังรายล้อมไปด้วยทัศนียภาพที่งดงาม ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างให้ หากคุณได้มาเยือนที่นี่คุณก็สามารถทำกิจกรรมต่างๆกลางแจ้งได้ ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่า, การขับจักรยานเพื่อชมความงดงามของต้นไม้ใบหญ้าที่กำลังเปลี่ยนสี หรือพายเรือแคนูในทะเลสาบเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติที่โอบล้อมก็ได้
สำหรับการเดินทางมาที่นี่ก็ไม่ยากซึ่งคุณสามารถนั่งรถบัสหรือรถไฟมาก็ได้ แต่จะใช้เวลาต่างกันหากคุณนั่งรถบัสมาก็จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโม งและหากคุณนั่งรถไฟ JR ก็จะใช้เวลาประมาณ 20 นาที และหากนั่งรถไฟธรรมดามาก็จะใช้เวลาประมาณ 50 นาที ซึ่งการวิ่งของที่นี่ค่อนข้างตรงเวลาไม่มีล่าช้า ดังนั้นการตรวจสอบเวลาในการขึ้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณต้องการมาชมใบไม้เปลี่ยนสีคุณควรมาในช่วงปลายเดือนตุลาคมไปจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน เพราะคุณจะได้เห็นทัศนียภาพที่งดงามอย่างแท้จริงของที่นี่ เพราะความสวยงามของธรรมชาติที่มี ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกจึงให้ความสนใจ และต่างพากันอยากมาสัมผัสกับบรรยากาศในช่วงฤดูต่างๆของที่นี่กันแทบจะตลอดทั้งปี เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่หาคุณได้มาเยือนฮอกไกโดแล้วต้องไม่ควรพลาดเลยจริงๆ
ได้รู้จักกับ 5 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีอันงดงามแห่งเมืองฮอกไกโด ที่ต้องไม่ควรพลาดแห่งปี 2022 ! กันไปแล้ว เราเชื่อว่าหากคุณได้มีโอกาสไปเยือนพิกัดต่างๆที่เราได้นำมาฝากกันเมื่อสักครู่นี้ คุณจะต้องรู้สึกฟินและตกหลุมรักกันแบบไม่ยากกันอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามพวกเราทีมงานหวังอย่างยิ่งว่าเรื่องราวนี้จะทำให้คุณชื่นชอบและถูกใจ และหากมีประโยชน์ต่อคุณต้องอย่าลืมส่งต่อให้กับคนที่คุณรักได้อ่านกันนะคะ painaidee-japan
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> เว็บบาคาร่า