จะพาคุณท่องเที่ยวที่ภูมิภาคชิโคกุกันบ้าง สำหรับทางภูมิภาคนี้ถือเป็นภูมิภาคเล็กๆในประเทศญี่ปุ่นที่ประกอบไปด้วยจังหวัดเล็กๆไม่กี่จังหวัด แต่ก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย และในครั้งนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ 6 สถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดเอฮิเมะ เมืองเล็กๆที่มีมนต์ขลังของภูมิภาคชิโคกุ ! ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก แต่มีธรรมชาติและซ่อนมนต์เสน่ห์เอาไว้จนน่าค้นหา นักเดินทางหลายๆเชื้อชาติต่างปรารถนาที่จะได้มาสัมผัสสักครั้ง จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราได้รวบรวมสถานที่แต่ละแห่งมาฝากคุณกันไว้ที่นี่ในครั้งนี้ หากอยากทราบกันแล้วว่าจะมีสถานที่ใด น่าสนในและน่าไปเยือนบ้าง ต้องอย่ารอช้าเราไปชมพร้อมๆกันได้เลยดังนี้ !
1.พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์อุจิโกะ (商いと暮らし博物館)
ก่อนอื่นเราจะพาคุณมารู้จักกับสถานที่แรก ซึ่งมีชื่อว่าพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์อุจิโกะ (商いと暮らし博物館) สำหรับสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองเมืองอุจิโกะ ในจังหวัดเอฮิเมะ เป็นพี่พี่ตภัณฑ์ที่มีความเก่าแก่ซึ่งจะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่บ่งบอกถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองอิจิโกะ ในสถานที่แห่งนี้จะมีหุ่นขี้ผึ้งแต่งกายเป็นชาวญี่ปุ่นสมัยโบราณ ในช่วงศตวรรษที่ 19 ถึงศตวรรษที่ 20 จะมีอยู่ด้วยกันถึง2ชั้น ฉันคุณสามารถเดินชมสถานที่ได้ตั้งแต่ช่วงเวลา 9 โมงเช้าไปจนถึงช่วงเย็น 4 โมงครึ่ง จะมีค่าตั๋วเข้าชมประมาณไม่เกิน 200 เยนสำหรับผู้ใหญ่และสำหรับเด็กไม่เกิน 100 เยน
และที่อยู่ใกล้ใกล้กันก็จะเป็นโรงละครกลับบ้านพักคามิฮากะ ซึ่งคุณสามารถเยี่ยมชมและเดินเที่ยวได้เช่นกันแต่จะมีค่าข้าวต่างหากโดยผู้ใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 900 เยนและเด็กจะอยู่ที่ประมาณ 450 เยน สำหรับการไปเยือนสถานที่แห่งนี้คุณสามารถนั่งรถไฟสายJR Uchiko ไปลงและใช้เวลาเดินต่อไปอีกประมาณเพียง 10 นาทีเท่านั้น ก็จะได้พบกับบรรยากาศที่แสนจะอบอุ่นและย้อนยุคอย่างลงตัวได้แบบง่ายๆ
2.ปราสาทอิมะบะริ (今治城)
โดยส่วนใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นจะมีปราสาทโบราณอยู่ด้วยกันมากมาย เรียกได้ว่าไปภูมิภาคไหนจังหวัดไหนเราก็จะเห็นปราสาทกันแทบทุกจังหวัด ซึ่งในจังหวัดเล็กๆแห่งนี้ก็เช่นกัน ดังนั้นเราจึงจะพาคุณไปรู้จักกับอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว ที่มีความสำคัญ ซึ่งมีชื่อว่า ปราสาทอิมะบะริ (今治城) ซึ่งมีลักษณะเป็นปราสาทแบบ5ตอนและมีอยู่ด้วยกันถึง6ชั้น โดยมีครูน้ำทะเลล้อมรอบเอาไว้อย่างสวยงาม เป็นอีกหนึ่งปราสาทริมทะเล ที่มีความสำคัญหนึ่งในสามของประเทศญี่ปุ่น
หากคุณได้ไปเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้คุณจะพบเห็นกับ การจัดแสดงอาวุธเก่าแก่ ของสมัยญี่ปุ่นโบราณรวมทั้งเสื้อเกราะและภาพวาดต่างๆ เมื่อมองออกมาภายนอกคุณสามารถมองเห็นทัศนียภาพภายนอกได้อย่างสวยงาม สามารถเยี่ยมเยียนสถานที่แห่งนี้ได้ตั้งแต่ช่วงเวลา 9 โมงเช้าไปจนถึง 5 โมงเย็น แต่พระน้องประสาทนั้นจะมีการเปิดไฟประดับหลังจากช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตกดินไปแล้วประมาณ 30 นาทีไปจนถึงห้าทุ่ม และเราจะสามารถมองเห็นเงาประสาทที่สะท้อนแสงอยู่ในน้ำได้อย่างสวยงาม เรียกได้ว่ามีความโรแมนติกแบบคลาสสิคจริงๆ สำหรับค่าเข้าชมผู้ใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 500 เยนและเด็กจะอยู่ที่ประมาณ 250 เยนเท่านั้น
3.สวนสัตว์โทเบะ (とべ動物園)
ไปต่อกันกับอีกหนึ่งสถานที่ที่ค่อนข้างได้รับความนิยม สำหรับผู้คนที่นี่ซึ่งก็คือ สวนสัตว์โทเบะ (とべ動物園) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของป่ามัทสึยามะ และตั้งอยู่บนเนินเขาซึ่งภายในสถานที่แห่งนี้มีสัตว์ต่างๆกว่า 1000 ชนิดอาศัยอยู่ และส่วนใหญ่ผู้คนมักจะมาดูน้องหมีขาว อีกทั้งยังมีกิจกรรมสติกเกอร์รอยเท้าของสัตว์ให้เด็กเด็กและคุณได้ร่วมสนุกกันทั้งครอบครัว
คุณสามารถมาเยือนสถานที่แห่งนี้ได้ตั้งแต่ช่วงเวลา 9 โมงไปจนถึง 5 โมงเย็นสำหรับค่าเข้าของผู้ใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 450 เยน ส่วนเด็กและผู้สูงอายุจะอยู่ที่ประมาณ 100 เยน สำหรับการเดินทางมาสถานที่แห่งนี้คุณสามารถนั่งรถไฟจากสถานีMatsuyama และสามารถต่อรถบัสหมายเลขสามมาลงยังป้ายTobe Dobutsukan Mae ได้เลย ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีความสำคัญสำหรับจังหวัดแห่งนี้และมาไม่ยากอีกด้วย
4.เกาะอาโอชิมะ (青島)
เอาใจคนรักน้องแมวโดยการจะพาคุณไปรู้จักกับอีกหนึ่งสถานที่ ในจังหวัดแห่งนี้ซึ่งมีชื่อว่าเกาะอาโอชิมะ (青島) สำหรับเกาะแห่งนี้ส่วนใหญ่แล้วผู้อยู่อาศัยก็จะเป็นชาวประมงและผู้สูงอายุซึ่งมีจำนวนประมาณเพียง 20 กว่าคนเท่านั้นแต่มีน้องแมวอยู่เป็นจำนวนมากซึ่งมีมากกว่า 120 ตัวกันเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นเกาะขนาดเล็กมากและไม่มีร้านอาหารไม่มีโรงแรมและไม่มีร้านขายของ ซึ่งหากคุณต้องการให้อาหารน้องแมวที่นี่คุณจำเป็นจะต้องพกมาเองและจะต้องพกน้ำมาดื่มเองด้วย เพราะไม่มีแม้กระทั่งตู้กดน้ำให้คุณได้ใช้
สำหรับท่าเรือที่นั่งมายังเกาะแห่งนี้จะอยู่ที่ประมาณ 700 เยน ซึ่งคุณสามารถนั่งได้ในช่วงเช้าตอนเวลาประมาณ 8 โมงเช้าและรอบที่สองคือช่วงเวลาบ่าย 2 โมง จะใช้เวลาเดินทางไปถึงก็ประมาณ 35 นาที โดยนั่งเรือที่ท่าNagahama และไปลงได้ที่ท่าเรือAoyama และควรตรวจสอบเวลาเรือวิ่งกลับให้ดีด้วยนะคะ ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ค่อนข้างได้รับความนิยมสูงและคนรักแมวต้องไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
5.ปราสาทมัตสึยาม่า (松山城)
และจะพาคุณมาต่อกันกับอีกหนึ่งสถานที่ ที่มีความสวยงามและมีความคลาสสิคสุดๆโดยเฉพาะในช่วงที่ดอกซากุระบานซึ่งก็คือ ปราสาทมัตสึยาม่า (松山城) ถือเป็นอีกหนึ่งปราสาทที่มีความสวยงามและหลงเหลือความเป็นญี่ปุ่นแบบเดิมๆสำหรับหนึ่งใน 12 ของปราสาทแห่งญี่ปุ่น ซึ่งมีการออกแบบและสถาปัตยกรรมที่ซับซ้อนแตกต่างจากปราสาทอื่นๆในประเทศนี้
มีความโบราณแบบญี่ปุ่นมาก ซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาคาสึยาม่า ที่มีความสูงและสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองงมัตสึยาม่า ได้อย่างชัดเจนรวมทั้งคุณจะสามารถมองเห็นทะเลเซโต ได้แบบ 360 องศากันเลยทีเดียว สำหรับภายในนั้นจะมีการจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมือง. ที่จะทำให้คุณได้ทราบถึงประวัติความเป็นมาและเรื่องราวต่างๆของสถานที่แห่งนี้ส่วนใหญ่ผู้คนในญี่ปุ่นมักจะมาเที่ยวกันในช่วงฤดูใบไม้ผลิเพราะมีต้นซากุระกว่า 200 ต้นให้คุณได้ชมกันอย่างเพิร์ธเพลินเลยทีเดียวสำหรับค่าเข้าชมของผู้ใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 500 เยนและเด็กจะอยู่ที่ประมาณ 150 เยน คุณสามารถเข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 09:00 น. ไปจนถึง 5 โมงเย็นและการเดินทางก็ไม่ยากซึ่งคุณสามารถนั่งรถกระเช้าหรือเก้าอี้ลิฟต์ขึ้นไปบนภูเขาแห่งนี้ได้
6.รถไฟบ๊ทจัง (坊っちゃん列車)
แล้วจะพาคุณมาปิดท้ายกันที่ รถไฟบ๊ทจัง (坊っちゃん列車) ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีรถไฟเก่าแก่ตั้งแต่ในช่วงยุคสมัยเมจิ และในปัจจุบันก็ยังคงใช้รถไฟเหล่านี้ เพื่อพานักท่องเที่ยวเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆชื่อดังในจังหวัดแห่งนี้อีกด้วย ซึ่งเป็นรถไฟโบราณที่มีความสวยงาม ที่จะพาคุณดื่มดำไปกับบรรยากาศคลาสสิคของเมืองได้แบบชิลล์ๆ อีกทั้งยังมีค่ะนั่งไม่แพงมากนักสำหรับผู้ใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 300 เยนและเด็กจะอยู่ที่ประมาณ 200 เยนเท่านั้น ถ้าคุณต้องการขึ้นสามารถจองตั๋วขึ้นได้ที่สถานีรถไฟMatsuyamaได้เลย แต่ก็ควรจะต้องเช็ครอบในการวิ่งให้ดีก่อนออกเดินทางเสียก่อน
ได้รู้จักกับจังหวัดกันไปเรียบร้อยแล้วพร้อมทั้งรู้ถึงเรื่องราวของ 6 สถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดเอฮิเมะ เมืองเล็กๆที่มีมนต์ขลังของภูมิภาคชิโคกุ ! กันไปพอสมควรอย่างไรก็ตามพวกเราทีมงานหวังอย่างยิ่งว่าท่านผู้อ่านทุกท่านแต่ชื่นชอบและถูกใจกับสิ่งที่เราได้นำมาฝากกันในครั้งนี้ขอให้ทุกท่านโชคดีและเดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ
เครดิต : เว็บสล็อต