ยังคงอยู่กันในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งก่อนหน้านี้เราได้พาคุณไปท่องเที่ยวกันที่ภูมิภาคต่างๆกันไปแล้ว ซึ่งในครั้งเราจะพาคุณไปรู้จักกับ 6 สถานที่ท่องเที่ยวสุดชิลล์ในจังหวัดโทคุชิมะ ที่ต้องมาให้ได้หากได้มาเยือนภูมิภาคชิโคกุ ! ที่อยู่ในภูมิภาคชิโคกุกันบ้าง และจังหวัดที่เราจะพาคุณไปท่องเที่ยวกันนี้ อาจเป็นจังหวัดเล็กๆที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักกันมากนัก แต่ก็มีความชิลล์ในแบบที่คุณคาดไม่ถึงซ่อนอยู่ ซึ่งเราได้รวบรวมสถานที่ของแต่ละแห่งมาฝากคุณไว้กันที่นี่ หากอยากทราบกันแล้วว่าจังหวัดเล็กๆนี้จะมีความน่าสนใจอย่างไรกันบ้าง อย่ารอช้ากันอยู่เลย เราไปชมพร้อมๆกันได้ดังนี้เลยค่ะ !
1.สวนสาธารณะบิซัน (眉山公園)
สถานที่แรกที่เราจะพาคุณไปรู้จักกันเลยก็คือ สวนสาธารณะบิซัน (眉山公園) ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่เราจะต้องขึ้นไปโดยใช้กระเช้าลอยฟ้าเพื่อไปยังภูเขาที่มีชื่อว่าบิซัน จากนั้นคุณจะพบกับความฟินที่เรียกได้ว่าไม่ได้มากันง่ายๆ ณ สถานที่แห่งนี้จะทำให้คุณได้พบกับทัศนยีภาพอันสวยงาม ที่สามารถมองเห็นเมืองโทคุชิมะได้แบบทั่วทั้งเมือง
อีกทั้งยังเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งหากคุณได้ขึ้นไปกับคู่รักแล้วล่ะก็ ขอบอกเลยว่าสุดยอดแห่งความโรแมนติก เพราะคุณจะได้เห็นวิวของเมืองในช่วงยามค่ำคืน เห็นแสงสีที่สวยงามได้จากบนภูเขา ถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่สำคัญในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และสามารถมองเห็นดอกซากุระได้แบบงดงามสุดๆไปเลย
2.น้ำวนนารุโตะ (鳴門の渦潮)
จะพาคุณมาต่อกันที่ น้ำวนนารุโตะ (鳴門の渦潮) ด้วยชื่อของนารูโตะแล้วล่ะก็ อาจจะทำให้ใครหลายคนนึกถึงการ์ตูนดังยอดฮิตในสมัยที่เรายังเป็นเด็กๆแต่สำหรับสถานที่แห่งนี้คือทะเลน้ำมนต์อันเป็นปรากฏการณ์ที่มาจากธรรมชาติสร้างขึ้น หากนึกภาพตามไม่ออกให้คุณดูจากภาพด้านบนที่เรานำมาฝากกันได้เลย เพราะของจริงก็เป็นดังในรูป
ซึ่งน้ำวนนี้ได้เกิดขึ้นในบริเวณช่องแคบนารุโตะ และเหตุผลที่เกิดขึ้นเช่นนี้ก็มาจากความต่างของระดับน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกกับน้ำทะเลเซโตะ ขนาดของน้ำวนที่เราพบเห็นนั้นส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นตามความแรงของกระแสน้ำ ซึ่งความเล็กใหญ่ของแต่ละครั้งที่เกิดขึ้นนั้นก็จะมีขนาดไม่เท่ากัน และจะเกิดขึ้นประมาณหนึ่งถึงสองชั่วโมง ในแต่ละครั้ง ถ้าคุณได้มีโอกาสมาในจังหวัดแห่งนี้ก็สามารถไปชมปรากฏการณ์ทางธรรมชาติในจังหวัดแห่งนี้ได้ รับรองว่าจะต้องตื่นตาตื่นใจกันอย่างแน่นอน
3.วัดเรียวเซนจิ (霊山寺)
จะพาคุณไปรู้จักกับวัดของจังหวัดโทคุชิมะกันบ้างซึ่งก็คือ วัดเรียวเซนจิ (霊山寺) ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งวัดที่ค่อนข้างได้รับความนิยมสูงของเหล่าบรรดาผู้แสวงบุญ ค่อนข้างมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศและเป็น1ใน88วัด ที่มีผู้คนมาปฎิบัติธรรมโดยการนุ่งขาวห่มขาวและถือไม้เท้า รวมทั้งสวมหมวกฟางกันในที่นี้ด้วย
ซึ่งเราสามารถเดินทางไปเยี่ยมชมได้ในช่วงเวลาตั้งแต่ 7 โมงไปจนถึง 5 โมงเย็นโดยการนั่งรถไฟจากสถานีนารุโตะไปยังสถานีIkenotani และต้องมาทำการเปลี่ยนสายเพื่อไปยังสถานีรถไฟBando จากนั้นเมื่อถึงแล้วให้เดินต่อไปอีกประมาณ 10 นาทีก็จะถึงวัดแห่งนี้ หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ชื่นชอบการทำบุญแล้วล่ะก็ หากได้มาจังหวัดแห่งนี้ก็ต้องขอบอกเลยว่าไม่ควรพลาด
4.พิพิธภัณฑ์ศิลปะโอสึกะ (大塚国際美術館)
จะพาคุณมาต่อกันที่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะโอสึกะ (大塚国際美術館) ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ค่อนข้างมีชื่อเสียงโด่งดังและได้รับความนิยมในการเข้าชมสูง ภายในจะมีการจัดแสดงงานศิลปตะวันตก ตั้งแต่ช่วงยุคสมัยโบราณมาจนถึงยุคศตวรรษที่ 20 อีกทั้งยังได้มีการรวบรวมผลงานของศิลปินชื่อดังอีกมากมายทั่วโลกมาให้เราได้รู้จักกัน
สำหรับจุดเด่นของสถานที่แห่งนี้ก็คือภาพวาดบนแผ่นเซรามิกบนกำแพงและเพดาน ซึ่งได้มีการใช้เทคนิคพิเศษในการรักษารูปร่างและสีเอาไว้มาอย่างยาวนาน พร้อมทั้งภายในนั้นยังมีร้านอาหารและคาเฟ่น่ารักๆเอาไว้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย หากคุณต้องการไปเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ก็สามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ในราคาประมาณไม่เกิน 3500 เยน สามารถเดินชมได้ตั้งแต่ช่วงเวลา 9 โมงครึ่งไปจนถึง 5 โมงเย็นของทุกๆวัน สำหรับการเดินทางคุณสามารถเดินจาก Naroto Koen โดยใช้เวลาเพียง 10 นาทีก็จะถึงพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้แล้ว
5.หุบเขาอิยะ (祖谷渓)
จะพาคุณมารู้จักกับอีกหนึ่งสถานที่ธรรมชาติ ที่ต้องขอบอกเลยว่าอเมซิ่งมากๆ ซึ่งมีชื่อว่า หุบเขาอิยะ (祖谷渓) สำหรับหุบเขาแห่งนี้จะมีลักษณะเป็นรูปตัววี จะเป็นภูเขาที่เต็มไปด้วยพืชพรรณนานาชนิด อุดมไปด้วยสีเขียวขจีจากต้นไม้ใบไม้ที่มีความงดงามแบบธรรมชาติ และคุณจะมองเห็นแม่น้ำอิยะไหลผ่านไปอย่างสวยงาม ตามภาพที่เราได้นำมาฝากทั้งด้านบน ในช่วงฤดูใบไม้ผลิคุณจะสามารถมองเห็นสีสันของหุบเขา ที่เปลี่ยนไปเป็นสีเหลืองและได้ผสมผสานกับสีแดง มีความสดใส ที่เมื่อมองไปแล้วจะรู้สึกสดชื่นได้แบบเหนือคำบรรยาย ในภาพที่ว่าสวยแล้วแต่หากได้เห็นของจริงกับตาก็ยิ่งสวยเข้าไปใหญ่
สำหรับใครที่จึงชอบการถ่ายรูปต้องขอบอกเลยว่าไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณได้มาถึงสถานที่แห่งนี้ คุณจะสามารถมองเห็นความสวยงามได้ตามฤดูกาลแบบไม่ซ้ำ ไม่ว่าจะฤดูร้อนหรือฤดูใบไม้ผลิ เนื่องจากสีสันของพืชพรรณบนภูเขาแห่งนี้จะเปลี่ยนไปตามธรรมชาตินั่นเอง และนอกจากนี้ยังเป็นภูเขาที่ค่อนข้างได้รับความนิยมสูง จากเหล่าบรรดานักปีนเขาทั่วโลกอีกด้วย สำหรับการเดินทางมาที่นี่ก็ไม่ยากคุณสามารถนั่งรถไฟสายShikoku จากสถานีAwa Ikeda และมาลงอย่างป้ายFurono Tani ได้เลย
6.สะพานคาซูระบาชิ (かずら橋)
และเราจะไปปิดท้ายกันที่ สะพานคาซูระบาชิ (かずら橋)
ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสะพานแขวนที่มีความสวยงามแบบอลังการ ด้วยเถาวัลย์ที่ทอดตัวอย่างเป็นธรรมชาติ และวางพาดอยู่สะพานเหนือแม่น้ำอิยะ ซึ่งหากเราได้ไปยืนมองกับตาตัวเองก็จะทำให้รู้สึกว่าเรากับอยู่ในภาพยนตร์เรื่องใดซักเรื่องหนึ่ง สำหรับสะพานแห่งนี้เคยเป็นสถานที่สำหรับขนสินค้าและย้ายผู้คนในสมัยก่อน ซึ่งมีความยาวประมาณ 45 เมตรและอยู่ใจกลางหุบเขาที่มีความสูงมากถึง 14 เมตร
ถือเป็นสะพานที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศด้วยเช่นกัน และใครหลายคนที่ได้มีโอกาสมายังแม่น้ำอิยะ ก็จะต้องมาชมสะพานแห่งนี้กันด้วยเช่นกัน สำหรับการเดินทางก็ไม่ยากเกินความสามารถของคนรักการเดินทางอย่างแน่นอน โดยคุณสามารถนั่งรถบัสจากสถานีObokeโดยใช้เวลาเพียง 20 นาทีเท่านั้นก็จะสามารถมาถึง หรือคุณอาจนั่งรถบัสจากสถานีAwa Ikeda โดยใช้เวลาประมาณ 70 นาทีในการมาถึงก็ได้
จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับเรื่องราวของ 6 สถานที่ท่องเที่ยวสุดชิลล์ในจังหวัดโทคุชิมะ ที่ต้องมาให้ได้หากได้มาเยือนภูมิภาคชิโคกุ ! ที่เราได้นำมาฝากท่านผู้อ่านกันในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามหากคุณได้มีโอกาสไปเยือนจังหวัดโทคุชิมะ ก็อย่าลืมไปยังสถานที่ต่างๆที่เราได้นำมาฝากกันในครั้งนี้นะคะรับรองว่าจะต้องฟินกันอย่างแน่นอน สำหรับครั้งนี้ต้องขอลากันแต่เพียงเท่านี้ ขอให้ทุกท่านโชคดีและสนุกไปกับการเดินทางนะคะ painaidee-japan
เครดิต : สล็อตเว็บตรง