พิพิธภัณฑ์สันติภาพฮิโรชิม่า คือ อีกหนึ่งแห่งที่พลาดไม่ได้เลยเมื่อมาเยือนเมืองฮิโรชิม่า ที่นี่นอกจากจะเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์แล้ว ยังเป็นดั่งอนุสรณ์เตือนใจถึงภัยร้ายแรงที่เกิดจากการใช้ระเบิดปรมาณูอีกด้วย
อันดับแรกต้องขอเล่าย้อนกลับไปในอดีต ในช่วงปี 1945 ในตอนนั้นประเทศญี่ปุ่นกำลังรบกับประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างดุเดือด และในวันที่ 6 สิงหาคม ปี 1945 เวลาประมาณ 8 โมง 16 นาที กองทัพของสหรัฐอเมริกา ได้ทิ้งระเบิดปรมาณูที่ชื่อว่า “Little Boy” ลงมาที่ใจกลางเมืองฮิโรชิม่า โดยจุดศูนย์กลางระเบิด อยู่เหนือเมืองฮิโรชิม่าขึ้นไปประมาณ 600 เมตร หลังจากระเบิดทำงาน ได้เกิดกลุ่มควันรูปดอกเห็ดขนาดใหญ่ ผลจากแรงระเบิดส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทันที 66,000 คน และ มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้รวมทั้งสิ้นกว่า 140,000 คน และบ้านเรือนในเมืองฮิโรชิม่าเสียหายราบเป็นหน้ากลองเลยทีเดียว
พิพิธภัณฑ์สันติภาพฮิโรชิม่า ตั้งอยู่ในสวนสันติภาพ ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1955 ในช่วงฟื้นฟูเมืองฮิโรชิม่าหลังจากที่ถูกระเบิดปรมาณูทำลายอย่างย่อยยับ โดยมีจุดประสงค์ในการสร้างเพื่อ เป็นที่ศึกษาประวัติศาสตร์ของเมืองที่โรชิม่ารวมไปถึงเพื่อเป็นแหล่งเตือนใจถึงมหันตภัยของระเบิดปรมาณู และการสูญเสียจากการทำสงคราม
พิพิธภัณฑ์สันติภาพฮิโรชิม่าแห่งนี้ ถูกออกแบบโดย เคนโซ ทันเกะ สถาปนิกชื่อดังของประเทศญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยส่วนใหญ่ผลงานของเขาจะเน้นไปที่ความกลมกลืน เรียบง่าย และไม่เบียดเบียนธรรมชาติ ทำให้อาคารพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ออกมาดูทันสมัย แต่เรียบง่าย และให้ความรู้สึกที่เงียบสงบ เป็นการออกแบบที่เหมาะกับอาคารเพื่อสันติภาพจริงๆ ครับ
ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้จัดแสดงเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เมืองฮิโรชิม่าถูกระเบิดปรมาณูไว้ในหลายๆ ด้าน แต่จุดที่เป็นไฮไลท์ คือการจำลอง “อะตอมมิคบอมบ์โดม” ขนาดเท่าของจริงมาไว้ให้ได้ชมด้วย ซึ่งอาคารหลังนี้เดิมทีเป็นศูนย์ส่งเสริมเกี่ยวกับอุตสาหกรรมของเมืองฮิโรชิม่า แต่ด้วยความที่อยู่ใกล้กับจุดศูนย์กลางของระเบิดปรมาณู หลังจากที่โดนแรงระเบิด จึงเหลือแต่โครงสร้างไว้อย่างที่เราได้เห็นกันในปัจจุบันครับ
อีกจุดนึงที่น่าสนใจ คือ มุมของเรื่อง “นกกระเรียนกระดาษ 1,000 ตัว” เป็นเรื่องจริงของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่า ซาดาโกะ ซาซากิ ในวันที่เมืองฮิโรชิม่าถูกโจมตีด้วยระเบิดปรมาณูนั้น เธอรอดชีวิตมาอย่างปาฏิหาริย์ ซึ่งในขณะนั้นเธออายุเพียงแค่ 2 ขวบเท่านั้น! หลังจากนั้นเธอก็ใช้ชีวิตตามปกติเรื่อยมา ร่างกายแข็งแรงแจ่มใส ไม่เจ็บไม่ป่วยอะไร แต่เมื่อเธออายุได้ 12 ปี เธอป่วยเป็นโรคลูคิเมีย ซึ่งเป็นผลพวงจากสารกัมตภาพรังสีจากระเบิดปรมาณูนั่นเอง
หลังจากนั้นเธอจึงเริ่มพับนกกระเรียนกระดาษเรื่อยมา ตามที่เพื่อนของเธอเคยเล่าให้ฟังว่า หากใครที่พับนกกระดาษได้ครบ 1,000 ตัว ก็จะมีสุขภาพที่แข็งแรง หายจากอาการเจ็บป่วยทั้งปวง โดยเธอก็หวังว่าเมื่อครบ 1,000 ตัวแล้ว เธอจะกลับมาสุขภาพดีและหายจากอาการป่วยนี้ แต่สุดท้ายถึงเธอจะพับนกกระดาษไปมากกว่า 1,300 ตัว ปาฏิหาริย์ก็ไม่เกิดขึ้น และเธอก็เสียชีวิตลงในที่สุด ซึ่งในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้มีการจัดแสดงนกกระเรียนกระดาษของจริงที่เธอพับไว้ด้วย
สำหรับการเดินทางมาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สันติภาพฮิโรชิม่านั้น จากสถานีรถไฟ Hiroshima การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะที่สะดวกที่สุดคือ บัสประจำทางครับ โดยให้ขึ้นบัสหมายเลข 24 หรือ 25 ก็ได้ครับ นั่งมาลงที่ป้าย Heiwa Kinen Koen จากนั้นเดินเข้ามาที่พิพิธภัณฑ์อีก 120 เมตรครับ หรือ ถ้าเดินทางมากันหลายคน จะใช้บริการแท็กซี่ก็ได้ หารค่ารถกันมา ราคาต่อคนก็ไม่แพงเท่าไหร่และยังสะดวกอีกด้วยครับ โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 08:30-17:00 โดยมีค่าเข้าชมอยู่ที่ ผู้ใหญ่ 50¥ และ เด็ก 6-18 ปี 30¥ อายุต่ำกว่า 6 ปี เข้าฟรีครับ
สำหรับ พิพิธภัณฑ์สันติภาพฮิโรชิม่านั้น ผมคิดว่าที่นี่เป็นมากกว่าพิพิธภัณฑ์ทั่วๆ ไป ทุกครั้งที่นึกถึงที่นี่ จะทำให้ผมตระหนักอยู่เสมอว่า การใช้ความรุนแรง การทำสงคราม การใช้ระเบิดปรมาณู หรือ แม้แต่การจับอาวุธเข้าห้ำหั่นกัน ไม่มีอะไรดีเลย มีแต่จะสูญเสียด้วยกันทั้งสองฝ่าย ดังนั้นพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถ้อว่าเป็นเครื่องเตือนใจได้อย่างดีเลยครับ
อ้างอิง https://www.hiroshima-navi.or.jp/th/post/008105.html