อีกจุดหนึ่งเมื่อมาเยือนเมืองซัปโปโรแล้วไม่ควรพลาด นั่นคือ Sapporo Clock Tower หอนาฬิกาเก่าแก่ที่อยู่คู่กับเมืองซัปโปโรมากว่า 143 ปี ซึ่งจริงๆ แล้วหอนาฬิกาแห่งนี้นั้น แต่เดิมคือหอประชุมของวิทยาลัยเกษตรฮ็อกไกโด หรือ มหาวิทลัยฮ็อกไกโดในปัจจุบัน ซึ่งกว่าจะมาเป็นหอนาฬิกาหลังนี้ได้นั้น ต้องขอเล่าย้อนไปไกล ตั้งแต่ในช่วงที่ชาวญี่ปุ่นเริ่มออกจากเกาะฮนชู เข้ามาสำรวจเกาะฮ็อกไกโดโน่นเลยครับ
เครดิตรูป https://goo.gl/maps/Eq9ZsmHbVN7qcCCb7
ถึงแม้ว่าชาวญี่ปุ่นจะเข้ามาอาศัยอยู่ในเกาะฮ็อกไกโดได้ไม่นาน แต่ช่วงเวลาที่อาศัยอยู่นั้น ก็ได้มีการศึกษาและพัฒนาสิ่งต่างๆ ในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นองค์ความรู้ด้านการเกษตร การศึกษา สถาปัตยกรรมต่างๆ การค้าขาย การคมนาคม โดยเฉพาะด้านการเกษตรนั้นจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากเกาะฮ็อกไกโดในฤดูหนาวนั้นจะไม่สามารถเพาะปลูกพืชได้เลย ดังนั้นชาวเมืองจึงจำเป็นที่จะต้องเพาะปลูกในฤดูอื่นๆ และถนอมอาหารไว้ใช้ทานในฤดูหนาว
เครดิตรูป https://goo.gl/maps/Eq9ZsmHbVN7qcCCb7
ดังนั้นเมื่อเริ่มมีการบุกเบิกเกาะฮ็อกไกโด จึงได้มีการจัดตั้งวิทยาลัยเกษตรฮ็อกไกโดขึ้นมา เพื่อทำการศึกษาพืชท้องถิ่น และเผยแพร่องค์ความรู้ทางด้านเกษตรกรรมให้กับชาวเมืองที่สนใจ ซึ่งวิทยาลัยเกษตรแห่งนี้นั้นได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1876 โดย ศาสตราจารย์ William S. Clark พร้อมกับอาจารย์อีกหลายท่าน ที่ถูกทางการญี่ปุ่นเชิญมาจากอเมริกา ซึ่งท่านเป็นอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตรกรรมอยู่ที่มหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ ด้วยเหตุนี้วิทยาลัยเกษตรฮ็อกไกโดจึงเป็นสถานศึกษาเกี่ยวกับวิชาเกษตรกรรมแห่งแรกของประเทศญี่ปุ่น
เครดิตรูป https://goo.gl/maps/Eq9ZsmHbVN7qcCCb7
ต่อมาในปี 1878 ได้มีการสร้างหอประชุมแห่งนี้ขึ้นมา โดยมีการติดตั้งนาฬิกาขนาดใหญ่ไว้บนอาคาร เพื่อเป็นการเตือนใจว่าการประชุมนั้นเป็นสิ่งสำคัญจะต้องมาให้ตรงเวลา และ ยังใช้บอกเวลาให้กับคนที่สัญจรไปมาได้อีกด้วย หอนาฬิกาแห่งนี้ใช้เวลาในการสร้าง 3 ปี แล้วเสร็จในปี 1881 โดยอาคารหลังนี้ใช้ไม้ในการก่อสร้าง และมีสถาปัตยกรรมแบบอเมริกันตะวันตก ซึ่งถ้าได้มาเห็นกับตา คุณจะรู้สึกคุ้นขึ้นมาทันทีเลยว่า เหมือนเคยเห็นอาคารแบบนี้ในหนังคาวบอยยุคเก่าของอเมริกานั่นเองครับ
ในตอนแรกของโครงการนั้น ตั้งใจว่าจะสร้างอาคารหลังนี้เพื่อใช้เป็นหอประชุมปกติทั่วไป แต่ภายหลัง คิโยทากะ คุโรดะ ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะพัฒนาฮ็อกไกโด ได้เสนอให้มีการปรับปรุงอาคารโดยการติดนาฬิกาเรือนใหญ่เข้าไปด้วย จึงได้มีการสั่งซื้อตัวเรือนนาฬิกาเข้ามา โดยตัวเรือนนาฬิกานั้น ได้นำเข้ามาจากอเมริกา ผลิตโดย บริษัท E. Howard & Co. บริษัทนาฬิกาชื่อดังในสมัยนั้น ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ อยู่ที่กรุงบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ และได้ทำการติดตั้งนาฬิกาเรือนนี้เข้าไปที่ตัวอาคารจนแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม ปี 1881 นั่นเองครับ ทางเข้า ufabet
เครดิตรูป https://goo.gl/maps/Eq9ZsmHbVN7qcCCb7
เมื่อวิทยาลัยเกษตรได้ทำการย้ายไปอยู่ในที่ใหม่ และเปลี่ยนเป็นมหาวิทยาลัยฮ็อกไปโดดังในปัจจุบัน ทางเมืองซัปโปโรจึงอนุรักษ์หอนาฬิกาแห่งนี้เอาไว้และปรับเปลี่ยนไปใช้งานในด้านอื่นๆ เช่น การจัดงานอิเวนท์ต่างๆ ของเมือง งานเลี้ยง พิพิธภัณฑ์ หรือการประชุมสำคัญๆ และนอกจากจะมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามแล้ว ยังมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่างมาก จนในปี 1970 ทางรัฐบาลของประเทศญี่ปุ่นได้ประกาศให้หอนาฬิกาแห่งนี้เป็นสมบัติของชาติทางด้านวัฒนธรรมที่สำคัญอีกด้วย
หากใครที่สนใจอยากจะเดินทางมาเยี่ยมชมหอนาฬิกาเก่าแก่แห่งนี้ สามารถเดินทางมาได้หลายวิธีครับ วิธีแรกคือเดินมาจากสถานีรถไฟ Sapporo ซึ่งอยู่ห่างจากหอนาฬิกาไปเพียง 800 เมตรเท่านั้น เดินราวๆ 10 นาที ก็น่าจะถึงครับ หรือ วิธีที่สองนั่งบัสมาจากหน้าสถานี มาลงที่ป้าย Tokeidai-mae จากนั้นเดินต่อมาอีก 1-2 นาที และวิธีสุดท้ายใช้บริการรถแท็กซี่ ซึ่งค่าโดยสารจะอยู่ที่ราวๆ 600¥-800¥ ครับ
เครดิตรูป https://goo.gl/maps/Eq9ZsmHbVN7qcCCb7
Sapporo Clock Tower เป็นอาคารที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ นอกจากตัวอาคาร จะเป็นอาคารไม้เก่าแก่ที่มีสถาปัตยกรรมสวยงาม ซึ่งภายในเกาะฮ็อกไกโด เหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น และ หอนาฬิกาแห่งนี้ยังเป็นเหมือนกับสัญลักษณ์ของการเริ่มบุกเบิกพัฒนาเกาะฮ็อกไกโดในอดีตอีกด้วย ดังนั้นหากมีเวลา แนะนำให้ลองมาเที่ยวที่นี่ดูสักครั้งครับ คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปแน่นอน