ฮ็อกไกโด พูดชื่อนี้ขึ้นมาปุ๊บ ภาพแรกที่ผุด ขึ้นมาในหัวของผมก็คือ “หิมะ” ผมว่าทุกคนก็คงเป็นเหมือนกัน และ หลายๆ คนก็คงอยากจะไปลองสัมผัสกับหิมะสักครั้งในชีวิต …ก็ไทยเราไม่มีอะเนาะ และวันนี้ผมจะพาไปเที่ยวกันที่เมืองซัปโปโรบนเกาะฮ็อกไกโด แต่แค่หิมะอย่างเดียวนั้น มันธรรมดาไป มันต้องมีศิลปะเข้ามาผสมด้วย มันถึงจะ “อาร์ททท!” 555 พูดแค่นี้ ผมว่าทุกคนคงเดาออกแล้วล่ะ ว่าต้องพาไปเที่ยวที่งาน “Sapporo Snow Festival” อย่างแน่นอน
“Sapporo Snow Festival” หรือ เทศกาลหิมะ ที่เมืองซัปโปโร แรกเริ่มเดิมทีนั้นเกิดมาจากการที่สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองซัปโปโร ต้องการที่จะจัดงานสร้างปติมากรรมจากหิมะขึ้นมาในปี 1950 แต่ด้วยตอนนั้นยังไม่มีใครที่ชำนาญการปั้นหิมะ จึงได้ขอร้องให้นักเรียนมัธยมปลายในท้องถิ่นมาร่วมกันสร้างผลงานการปั้นหิมะขึ้นมา ได้มาทั้งหมด 6 ตัว ณ ลานกว้างในสวนโอโดริซึ่งแต่เดิมนั้นสวนนี้ใช้เป็นที่ทิ้งหิมะอยู่แล้ว ที่นี่จึงเหมาะที่จะใช้จัดงานนี้มากๆ ในช่วงปีแรกๆ ของการจัดงานนั้น รูปปั้นหิมะยังไม่ได้มีขนาดใหญ่โตเท่าใดนัก สูงอย่างมากก็แค่ 6-7 เมตรเท่านั้น แต่ในการจัดงานครั้งที่ 4 ในปี 1953 นั้น มีการสร้างรูปปั้นหิมะขนาดใหญ่สูงถึง 15 เมตร จำเป็นต้องใช้หิมะจำนวนมาก ถึงขนาดต้องนำรถบรรทุกมาใช้ขนหิมะ และใช้รถแทรคเตอร์ในการดันและเกลี่ยหิมะ ซึ่งนั่นก็คือจุดเริ่มต้นในการสร้างรูปปั้นหิมะขนาดใหญ่แบบที่เราเห็นกันในปัจจุบันครับ
หลังจากนั้น ในปี 1954 ก็มีชาวเมืองซัปโปโรเข้ามาร่วมสร้างผลงานด้วย ต่อมา ปี 1955 ก็เริ่มมีคนเข้ามาร่วมส่งผลงานประกวดมากยิ่งขึ้นรวมถึงกองกำลังป้องกันตนเองที่เข้ามาร่วมงานครั้งนี้ด้วย ในปี 1972 นั้น ประเทศญี่ปุ่นได้เป็นเจ้าภาพในการจัดงาน “โอลิมปิกดูหนาว” ที่เมืองซัปโปโร จึงทำให้เทศกาลหิมะเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และในปี 1974 ก็เริ่มมีทีมจากนานาชาติเข้ามาร่วมแข่งขันด้วย
ปัจจุบันเทศกาลหิมะที่เมืองซัปโปโร จะถูกจัดขึ้นในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกๆ ปี เป็นเทศกาลใหญ่ในฤดูหนาวที่มีผู้สนใจเดินทางมาเข้าร่วมจากทั่วทุกมุมโลกมากถึง 2,600,000!!!คน กันเลยทีเดียว ส่วนธีมในการจัดงานนั้น จะเปลี่ยนไปในทุกๆ ปี โดยธีมในการจัดงาน จะเป็นหัวข้อกว้างๆ เพื่อให้นักปั้นได้ใส่เรื่องราวความคิดสร้างสรรค์ลงไปได้อย่างเต็มที่ อาทิเช่น เรื่องราวในประวัติศาสตร์ สถานที่สำคัญๆ หรือแม้แต่อนิเมะก็มีการนำมาเป็นหัวข้อมาแล้ว
สำหรับประเทศไทยเรานั้น ก็ได้มีการส่งทีมเข้าร่วมประกวดด้วยเช่นกัน และอยากจะบอกว่า “คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก” เชื่อหรือไม่ครับ ประเทศไทยเรานั้นไม่มีหิมะ แต่! เราชนะเลิศมาแล้วถึง 9 สมัย! แถมยังชนะติดต่อกันถึง 3 ปีซ้อนอีก! ไม่เคยมีชาติใดทำได้มาก่อน ซึ่งในปี 2020 ที่ผ่านมาเราก็ชนะเลิศอันดับ 1 ด้วยครับ ด้วยผลงาน “เต่าทะเล” สุดยอดจริงๆ ครับ
ปัจจุบันสถานที่จัดงานนั้นแบ่งออกเป็น 3 ที่ดังนี้
ที่แรกคือ สวนโอโดริ สวนสาธารณะที่อยู่กลางเมือง ซึ่งใช้จัดงานมาตั้งแต่ครั้งแรกเลย ในสวนนี้จะมีการจัดแสดงรูปปั้นหิมะขนาดใหญ่ไว้ และตกกลางคืนก็จะมีไลท์อัพด้วย เราสามารถมาเที่ยวชมรูปปั้นที่สวนนี้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืนเลยครับ วิธีเดินทางมาที่สวนโอโดรินั้นไม่ยากเลยครับ จากสถานี Sapporo นั่งมาลงที่สถานี Odori แล้วใช้ทางออก 2-5-6 หรือ 8 ก็ถึงละครับ
ที่ๆ สองนั้นคือ ที่ย่าน Susukino ในจุดนี้จะเป็นการแสดงปติมากรรมการแกะสลักน้ำแข็ง โดยปี 2020 ที่ผ่านมามีผลงาน ส่งเข้าร่วมประกวดมากถึง 60 ชิ้นและนอกจากนี้ที่ย่านซุซุกิโนะ ยังมีการจัดงานประดับไฟ Illumination Street ด้วย เรียกว่ามาที่เดียว ได้เที่ยวสองงานเลยครับ สำหรับการเดินทางมานั้น นั่งรถไฟสาย Namboku มาลงที่สถานี Susukino ได้เลยครับ
ที่สุดท้าย คือ ลาน “Tsudome” อ่านว่า “ซึโดม” ที่ลานนี้นั้นปกติจะเป็นลาน อเนกประสงค์ใช้สำหรับ จัดแข่งกีฬาหลายชนิดเช่นบาสเกตบอล ฟุตบอล ฯลฯ ซึ่งที่ลานนี้นั้น จะต่างกับ 2 ที่แรกคือ จะเน้นไปที่กิจกรรมที่เกี่ยวกับหิมะเป็นหลัก เช่น สไลเดอร์หิมะ เขาวงกตหิมะ ขี่Snow Mobile และอีกหลายกิจกรรมสนุกๆ ให้เลือกมากมาย การเดินทางมาที่นี่นั้น นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Sakaemachi Station จากนั้นเดินต่อไปอีก 10 นาที ก็ถึงครับ
เป็นยังไงกันบ้างครับ กับเทศกาลหิมะที่ซัปโปโร น่าสนใจใช่ไหมครับ ซึ่งถ้าใครมีโอกาสอยากให้ลองมาร่วมงานนี้สักครั้งครับ รับรองว่าคุณต้องสนุกจนลืมหนาวไปเลยล่ะ …ส่วนผมสนุกยังไงก็ไม่ลืม ยังหนาวอยู่ดี 555
เครดิตรูป https://blog.traveloka.com/th/contributor/japan-sapporo-snow-festival/
อ้างอิง https://matcha-jp.com/th/3742