หากพูดถึง จังหวัดทตโตริแล้วก็ ผมเชื่อว่าภาพแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของใครหลายๆ คน ก็คือภาพของเนินทรายที่เวิ้งว้างกว้างไกล เนินทรายแห่งนี้เป็นนับว่าเป็นแลนด์มาร์คของจังหวัดทตโตริเลยก็ว่าได้ ซึ่งใครที่มาเยือนทตโตริ แล้วไม่ได้มาเที่ยวที่เนินทรายแห่งนี้แล้วล่ะก็ ผมกล้าพูดได้เลยว่า …คุณมาไม่ถึงทตโตริ
เนินทราย แห่งนี้ ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองทตโตริ ออกไปประมาณ 16 กิโลเมตร อยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติซานินไคกัน ซึ่งเนินทรายแห่งนี้
นับเป็นเนินทรายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น มีความสูงถึง 50 เมตรและมีความกว้างถึง 2 กิโลเมตร เนินทรายแห่งนี้มีอายุนับพันปี และ ตัวของเนินทรายนั้นจะไม่มีภาพลักษณ์ที่ตายตัว เพราะภูมิทัศน์ของเนินทรายจะเปลี่ยนไปตามกระแสน้ำและกระแสลม ดังนั้นทุกครั้งที่เรากลับมาเที่ยวที่นี่ก็จะให้ความรู้สึกที่คล้ายๆ แต่ไม่เหมือนเดิม
บางคนอาจจะคิดว่าที่นี่ก็แค่เนินทราย ไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจเลย และถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดแบบนี้ ผมขอแนะนำว่าให้คุณอ่านไปจนจบ ผมเชื่อว่าความคิดที่คุณมีต่อเนินทรายธรรมดาๆ นี้จะต้องเปลี่ยนไปแน่นอน เพราะที่นี่ มีกิจกรรมที่น่าสนใจหลายอย่าง จะเป็นอะไรนั้นตามผมมาดูกันเลยครับ
กิจกรรมแรกที่ผมอยากแนะนำนั่นก็คือ “พาราไกลด์ดิ้ง” หรือ การเล่นร่มร่อนนั่นเอง การเล่นร่มร่อนที่นี่นั้น จะเป็นการร่อนลงมาจากยอดของเนินทราย ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สนุกและน่าตื่นเต้นมาก ซึ่งการเล่นร่มร่อนนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยนะครับ เพราะเขาจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอยู่ตามจุดต่างๆ ทั้งจุดปล่อยตัวและจุดรับที่อยู่ด้านล่างครับ ส่วนค่าใช้จ่ายในการเล่นร่มร่อนนั้นจะอยู่ที่คนละ 7,000¥ ครับ
กิจกรรมต่อมาที่อยากจะแนะนำก็คือ “การขี่อูฐ” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เข้ากับบรรยากาศมากๆ นักท่องเที่ยวสามารถขี่อูฐท่องไปตามเนินทราย ชมวิวทิวทัศน์ของเนินทรายที่งดงาม ยิ่งถ้าให้เพื่อนที่ไปด้วยกันถ่ายรูปให้ตอนที่เราขี่อูฐอยู่ หามุมดีๆ เอารูปไปแกงคนอื่นได้เลย ว่าฉันไปเที่ยวทะเลทรายแถวตะวันออกกลางได้เลย 555 อ้อ! ลืมแนะนำ พี่อูฐนั้นเป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัดทตโตริด้วยนะขอบอก ส่วนค่าใช้จ่ายในการขี่พี่อูฐนั้น ถ้าขี่ 1 คน ราคาจะอยู่ที่ 1,300¥ แต่ถ้าขี่พร้อมกัน 2 คนจะอยู่ที่ 2,500¥ ครับ
กิจกรรมต่อมาต่อมาคือ การเล่น Sandbording หรือ กระดานทราย ลักษณะเหมือนการเล่นสโนว์บอร์ดเลยครับ เพียงแต่เปลี่ยนมาเล่นที่เนินทรายเท่านั้น สำหรับกิจกรรมนี้อยากจะแนะนำก่อนว่า ช่วงที่สไลด์ลงมาจากเนินทรายนั้น ให้หุบปาก เม้มปาก รูดดดดดซิปปากไว้ให้แน่นๆ เลย มิเช่นนั้นคุณจะได้ทานทรายแทนขนมกรุบกรอบแบบผม 555 เพราะช่วงที่เราสไลด์ลงมานั้น บางครั้งจะมีทรายกระเด็นขึ้นมา ดังนั้นให้ระวังให้ดี …กรุบ …กรุบ 555
ที่เนินทรายแห่งนี้ก็มีโอเอซิสด้วยนะขอบอก แต่จะมีให้เห็นเฉพาะในช่วงฤดูหนาว กับต้นฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น พอถึงช่วงฤดูร้อนน้ำก็จะแห้งเหือดไป ซึ่งน้ำที่โอเอซิสนั้นก็เกิดจากการละลายตัวของหิมะนั่นเอง ซึ่งในฤดูหนาวนั้นบริเวณเนินทรายนี้จะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะทั้งหมด ดังนั้นใครที่คิดจะมาเที่ยวเนินทรายในฤดูหนาว ก็จะได้เห็นเนินหิมะแทนครับ แต่บรรยากาศก็สวยไปอีกแบบครับ สวยไม่แพ้กันเลย ส่วนใครที่เป็นสายตื่นเช้า ถ้าคุณมาที่เนินทรายนี้ในช่วงเช้า ช่วงที่ยังไม่มีนักท่องเที่ยวมาถึง คุณก็จะได้เห็น “ฟุมง” หรือ ลวดลายบนผิวทรายที่เกิดขึ้นจากแรงลมด้วยครับ
มาเที่ยวเนินทรายฤดูไหนดี? จริงๆ แล้วมาได้ทุกฤดูเลยครับ ซึ่งถ้าคุณมาเที่ยว ในฤดูร้อนสภาพอากาศก็จะเข้ากับบรรยากาศของเนินทรายและในช่วงเย็น มองออกไปที่ทะเล ก็จะเห็นไฟ “อิซาริบิ” ที่ติดอยู่บนเรือหาปลา เป็นวิวที่แปลกตาไปอีกแบบครับ ส่วนถ้าใครที่มาเที่ยวในฤดูใบไม้ร่วง นอกจากเนินทรายแล้ว ก็ยังมีทุ่งดอกหอมที่ออกดอกสีม่วงบานสะพรั่งรอต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่ครับ และถ้ามาในฤดูหนาวก็จะเห็นเนินทรายที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลนสวยแปลกตาไปอีกแบบ แถมในช่วงนั้นยังเป็นช่วงฤดูจับปูมัตสึบะด้วย ทั้งกิน ทั้งเที่ยว ครบเลย
การเดินทางมาที่เนินทราย จากสถานี JR Tottori นั่งบัสมาลงที่ป้าย Suna no Bijutsukan ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีครับ หรือ ใครที่มากันหลายคนก็ขึ้นแท็กซี่มาก็ได้ครับโดยราคาจะอยู่ที่ประมาณ 2,000¥ ครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ เริ่มสนใจเจ้าเนินทรายธรรมดาๆ นี้แล้วหรือยัง ขอบอกว่าจุดที่น่าสนใจนั้นยังมีอีกครับ ไว้ตอนหน้าจะมาเล่าให้ฟังต่อ โปรดติดตามตอนต่อไปครับ
เครดิตรูป https://matcha-jp.com/th/place/ChIJbx8cHUSPVTURazEAdQKsetg